การพิทักษ์อัลกุรอานจากการบิดเบือน


               อิหม่ามอัลกุรฎุ่บีย์  ได้บันทึกเอาไว้ในหนังสือตัฟซีร  (อรรถาธิบายพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน)  ของท่านว่า : มีชายคนหนึ่งปรารถนาที่จะทดสอบศาสนา 3 ศาสนาด้วยกัน  คือ  ยูดาย  คริสต์  และอิสลาม  ว่าศาสนาใดถูกต้องและดีที่สุด? ชายผู้นี้เป็นนักเขียนคัดลายมือที่ชำนาญการเป็นอย่างยิ่ง  เขาจึงมุ่งเป้าไปยังคัมภีร์ทั้งสามคือ   อัตเตารอต  อัลอินญิล  (ใบเบิ้ลใหม่)  และคัมภีร์อัลกุรอาน  

               และลงมือคัดลอกข้อความที่ปรากฏในแต่ละคัมภีร์  ด้วยการคัดลายมืออย่างบรรจงวิจิตรและสวยงามยิ่ง  แต่ทว่าเขามีจุดประสงค์เพื่อทดสอบความถูกต้องของแต่ละศาสนาที่เป็นเจ้าของคัมภีร์ทั้งสามเล่มเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้อาศัยวิธีการเพิ่มเติมและตัดทอนถ้อยความในคัมภีร์ที่เขาได้คัดลอกอย่างวิจิตรบรรจง

               เมื่อคัดลอกเสร็จสิ้น  ชายผู้นี้ก็ได้นำคัมภีร์เตารอตไปเสนอ  แก่บรรดานักปราชญ์ชาวยิว  พวกนักปราชญ์ชาวยิวเมื่อเห็นว่าเป็นคัมภีร์อัตเตารอตที่ถูกคัดลอกอย่างงดงามก็พากันจูบคัมภีร์นั้นและเปิดดูในแต่ละหน้าอย่างพินอบพิเทา  แถมยังได้มอบทรัพย์สินจำนวนหนึ่งให้แก่ชายผู้นี้เพื่อแสดงถึงการให้เกียรติ  

               ต่อมาชายผู้นี้ได้นำคัมภีร์  อัลอินญิล  (ใบเบิ้ลใหม่)  ซึ่งเขาได้บรรจงคัดลอกอย่างสวยงามด้วยมือของเขาเอง  เสนอแก่เหล่าบาทหลวงในคริสตศาสนา  ฝ่ายนี้เมื่อพบว่าเป็นคัมภีร์ที่ได้รับการคัดลอกอย่างดีและมีลายมือเขียนที่งดงามก็ขอซื้อชายผู้นี้ด้วยทรัพย์สินในราคาสูง  อีกทั้งยังแสดงความให้เกียรติแก่ชายผู้นี้อีกด้วย  

               ครั้นต่อมาภายหลังเขาก็ได้นำเอาคัมภีร์อัลกุรอาน  ฉบับคัดลอกของตนที่ได้ทุ่มเทคัดลอกอย่างสวยงามเสนอแก่เหล่านักวิชาการมุสลิม  ครั้นเมื่อเหล่านักวิชาการมุสลิมได้มองดูถ้อยความในคัมภีร์เล่มดังกล่าว  พวกเขาก็พบว่ามีการเพิ่มเติมถ้อยความบางส่วนและมีอีกบางส่วนตกหล่น  จึงได้จับกุมชายผู้นี้เอาไว้และ พร้อมยังได้เฆี่ยนตีชายผู้นี้อีกด้วย  จนในที่สุดเรื่องของชายผู้นี้ก็ถูกนำแจ้งให้ซุลตอนได้ทรงทราบเพื่อชำระคดีความ 

               และแล้วซุลตอนก็ได้ตัดสินให้ประหารชีวิตชายผู้นี้ด้วยข้อหาบิดเบือนคัมภีร์อัลกุรอาน  เมื่อเพชรฆาตจะลงมือประหาร  ชายผู้นี้ก็ได้ชิงประกาศการเข้ารับอิสลามของตนและบอกเรื่องราวที่มาของตนแก่เหล่าชนมุสลิมให้ทราบว่า  เขาได้ทำการทดสอบศาสนาต่าง ๆ  ทั้งสามและเขาก็รู้แล้วในบัดนี้ว่า  ศาสนาอิสลามคือศาสนาแห่งสัจธรรม”  

               พระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ.)  ได้ทรงมีพระดำรัสว่า : “แท้จริงเราได้ประทานอัซซิกุร (หมายถึงอัลกุรอาน) ลงมา และแท้จริงเราเป็นผู้พิทักษ์อัลกุรอ่านนั้น”  (อัลฮิจรุ 9)  การพิทักษ์พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านของพระองค์นั้นคือ การปกปักษ์รักษาอัลกุรอ่านจากการเพิ่มเติม  การตัดทอนที่บกพร่อง  การเปลี่ยนแปลงในรูปต่าง ๆ และเมื่อพระองค์ทรงมีดำรัสแจ้งว่าพระองค์ทรงเป็นผู้พิทักษ์อัลกุรอ่านด้วยพระองค์เองก็ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถกระทำการใด ๆ ที่บิดเบือนต่ออัลกุรอานได้เลยแม้แต่น้อย

               (คัดจากหนังสือ ตัฟซีร ซอฟวะห์ อัตตะฟาซีร ของชัยค์ มุฮัมมัด อาลี อัซซอบูนีย์ 2/106)