มรดกและการแบ่งมรดก

การทำพินัยกรรม (อัลวะศิยะฮฺ)

พินัยกรรม (อัล-วะศิยะฮฺ) ตามหลักศาสนา : หมายถึง การสละกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ซึ่งจะมีผลบังคับภายหลังจากผู้ทำพินัยกรรมเสียชีวิตลงแล้ว เรียกการสละกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนี้ในภาษาอาหรับว่า อัล-วะศิยะฮฺ (اَلْوَصِيَّةُ) เพราะความดีที่ผู้ทำพินัยกรรมได้ทำไว้ในโลกนี้จะส่งผลไปถึงเขาในโลกหน้า

ข้อแตกต่างระหว่างการทำพินัยกรรมกับการยกให้ประเภทอื่น ๆ ก็คือการทำพินัยกรรม (อัล-วะศิยะฮฺ) จะมีผลบังคับภายหลังจากผู้ทำพินัยกรรมเสียชีวิตแล้ว ขณะที่การยกให้ประเภทต่าง ๆ จะมีผลบังคับขณะที่กระทำยังมีชีวิตอยู่

การทำพินัยกรรมเป็นสิ่งที่อนุมัติในศาสนาอิสลาม โดยมีหลักฐานจากอัลกุรฺอาน ดังนี้

كُتِبَ عَلَيْكُمْ إِذَا حَضَرَ أَحَدَكُمُ الْمَوْتُ إِن تَرَكَ خَيْرًا الْوَصِيَّةُ  لِلْوَالِدَيْنِ وَالأقْرَبِينَ بِالْمَعْرُوفِ حَقًّا عَلَى الْمُتَّقِينَ

“การทำพินัยกรรมให้แก่บิดามารดาทั้งสองและบรรดาญาติที่ใกล้ชิดโดยชอบธรรมนั้นได้ถูกกำหนดขึ้นเหนือพวกเจ้าแล้ว เมื่อความตายได้มายังคนหนึ่งคนใดในพวกเจ้า หากเขาได้ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ ทั้งนี้เป็นหน้าที่เหนือผู้ยำเกรงทั้งหลาย”
(สูเราะฮฺอัล-บะกอเราะฮฺ อายะฮฺที่ 180)

ทั้งนี้ เมื่ออายะฮฺอัลกุรฺอานที่บัญญัติเกี่ยวกับมรดกได้ถูกประทานลงมา อายะฮฺที่ 180 จากสูเราะฮฺอัล-บะกอเราะฮฺจึงได้ถูกยกเลิก ทำให้การทำพินัยกรรมเป็นสิ่งที่ควรกระทำ (มุสตะหับ) ในแนวทางต่าง ๆ ที่เป็นความดี โดยอยู่ในอัตรา 1/3ของกองมรดก หลังจากใช้จ่ายไปในเรื่องจัดการศพและชำระหนี้สินของผู้ตายเรียบร้อยแล้ว

มีหะดีษรายงานโดยท่านสะอฺด์ อิบนุ อบีวักก็อสฺ (ร.ฎ.) ว่า : ท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) ได้มาเยี่ยมฉันเนื่องจากการเจ็บป่วยของฉัน ฉันได้กล่าวว่า : 

“يَارَسُوْلَ الله ، أَنَاذُوْمَالٍ وَلاَيَرثُنِى إِلاَّ ابْنَةٌ لِيْ وَاحِدَةٌ ،  أَفَأَتَصَدَّقُ بِثُلُثَىْ مَا لِيْ قَالَ : لاَ ، قُلْتُ ، أَفَأتَصَدَّقُ بِشَطْرِه ،  قَالَ : لاَ ، قُلْتُ : أَفَأَتَصَدَّقُ بِثُلُثِه  قَالَ : اَلثُّلُثُ ، اَلثُّلُثُ كَثِيْرٌ ،  إِنًّكَ إِنْ تَذَرَوَرَثَتَكَ أَغْنِيَاءَ خَيْرٌ مِنْ أَنْ تَذَرَهُمْ عَالَةً يَتَكفَّفُوْنَ النَّاسَ”

“โอ้ ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ ฉันเป็นผู้มีทรัพย์สิน และไม่มีผู้ใดสืบมรดกฉัน นอกจากบุตรสาวของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น ฉันจะบริจาคทาน 2/3จากทรัพย์สินของฉันได้หรือไม่? ท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) ตอบว่า : “ไม่ได้” ฉันกล่าวว่า : ฉันจะบริจาคทานครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินนั้น

ท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) ตอบว่า : “ไม่ได้” ฉันกล่าวว่า : ฉันจะบริจาค 1/3ของทรัพย์สินนั้น ท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) กล่าวว่า หนึ่งในสาม, หนึ่งในสามก็มากแล้ว เพราะแท้จริงการที่ท่านทิ้งทายาททั้งหลายของท่านในสภาพที่พวกเขามีอันจะกิน (ร่ำรวย) ย่อมดีกว่าการที่ท่านทิ้งให้พวกเขาเป็นผู้ขัดสนที่แบมือขอผู้คน”

(รายงานโดยบุคอรี – 2591 – / มุสลิม – 1628 – )

องค์ประกอบของการทำพินัยกรรม

การทำพินัยกรรมนั้นจะต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

  1. ผู้ทำพินัยกรรม
  2. ผู้รับพินัยกรรม
  3. ทรัพย์สินที่จะทำพินัยกรรม
  4. การเสนอและการตอบรับ

เงื่อนไขในการทำพินัยกรรม

การทำพินัยกรรมนั้นจะต้องมีเงื่อนไข ดังนี้

  1. ผู้ทำพินัยกรรมต้องบรรลุศาสนภาวะ มีสติสัมปชัญญะและมีอิสระในการทำพินัยกรรม

  2. ผู้รับพินัยกรรมจะต้องมิใช่เป็นผู้สืบมรดกจากผู้ทำพินัยกรรม และมิใช่ผู้ที่สังหารผู้ทำพินัยกรรม

  3. ทรัพย์สินที่จะทำพินัยกรรมนั้น จะต้องระบุชัดเจน และไม่เป็นที่ต้องห้ามในศาสนาอิสลาม

  4. การเสนอและการตอบรับนั้น จะต้องเป็นถ้อยคำที่เข้าใจได้ว่าผู้ทำพินัยกรรมจะมอบทรัพย์สินให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หลังจากที่ผู้ทำพินัยกรรมได้สิ้นชีวิต

อนึ่งตามหลักศาสนา อนุญาตให้ทำพินัยกรรมได้ไม่เกินหนึ่งในสาม (1/3) ของทรัพย์สินทั้งหมด ดังนั้นหากผู้ทำพินัยกรรมได้ทำพินัยกรรมมากกว่าหนึ่งในสามของทรัพย์สินทั้งหมด ย่อมถือว่าการทำพินัยกรรมนั้นเป็นโมฆะ ยกเว้นในกรณีที่ผู้มีสิทธิสืบมรดกยินยอมให้ โดยมีเงื่อนไข ดังนี้

  • การยินยอมนั้นเกิดขึ้นหลังจากผู้ทำพินัยกรรมได้เสียชีวิตแล้ว
  • ผู้ยินยอมนั้นจะต้องเป็นผู้บรรลุศาสนภาวะและมีสติสัมปชัญญะ

การทำพินัยกรรมที่เป็นโมฆะ

สิ่งที่จะทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ มีดังต่อไปนี้

  1. ผู้ทำพินัยกรรมได้เปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกพินัยกรรมก่อนเสียชีวิต

  2. ผู้รับพินัยกรรมเสียชีวิตก่อนผู้ทำพินัยกรรม

  3. ผู้รับพินัยกรรมได้สังหารหรือมีส่วนร่วมในการสังหารผู้ทำพินัยกรรม

  4. ผู้รับพินัยกรรมได้คืนสิทธิของตนให้แก่ผู้มีสิทธิสืบมรดก

  5. ทรัพย์สินที่ทำพินัยกรรมเกิดชำรุดเสียหาย

  6. การทำพินัยกรรมนั้นเป็นการทำให้แก่ผู้มีสิทธิสืบมรดก เนื่องจากมีหะดีษระบุว่า   “إِنَّ الله أَعْطى كُلَّ ذِيْ حَقٍّ حَقَّه ، فَلاَ وَصِيَّةَ لِوَارِثٍ”  “แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงประทานสิทธิแก่ผู้มีสิทธิทุกคนแล้ว (ในเรื่องมรดก) ดังนั้นย่อมไม่มีการทำพินัยกรรมให้แก่ผู้มีสิทธิสืบมรดก (อีก)”   (รายงานโดย อัตติรมีซี-2141-/อบูดาวูด-2870)