มะกอก (زَيْتُوْن ) ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ Spondias pinnata Kurz ในวงศ์ Anacardiaceae ใบอ่อนมีรสเปรี้ยว ใช้เป็นผักดิบ ผลขนาดลูกหมากดิบ เมื่อสุกมีรสเปรี้ยวเจือฝาดใช้ปรุงอาหาร รากและเมล็ดใช้ทำยาได้, มะกอกบ้าน หรือมะกอกป่า ก็เรียก

               มะกอกฝรั่ง  ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด  Spondias cytherea Sonn ในวงศ์  Anacardiaceae ผลใหญ่ เนื้อหนากรอบ กินดิบๆ ได้

               มะกอกน้ำ ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Elaeocarpus hygrophilus Kurz ในวงศ์ Elaeocarpaceae มักขึ้นริมน้ำ ผลเล็กรี รสเปรี้ยวฝาด ใช้ดองเป็นอาหาร

               ชาวอาหรับเรียกมะกอกรวมๆ ว่า “ซัยตูน” (زَيْتُوْن ) ซึ่งมาจากคำว่า ซัยตฺ (زَيْتٌ ) คำว่า “ซัยตฺ” ยังหมายถึง น้ำมันที่สกัดจากมะกอกหรือน้ำมันพืชโดยทั่วไป เช่น ซัยตฺซัยตูน (น้ำมันมะกอก), ซัยตฺซุรเราะฮฺ (น้ำมันข้าวโพด) และซัยตฺอันนัคละฮฺ (น้ำมันปาล์ม) เป็นต้น

               คำว่า “ซัยตฺ” ถูกระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน 1 แห่งในบทอันนู๊ร อายะฮฺที่ 35 มีใจความว่า: อัลลอฮฺทรงเป็นดวงประทีปแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน อุปมาดวงประทีปของพระองค์เสมือนดังช่องตามผนังที่มีตะเกียงอยู่ภายใน ตะเกียงนั้นอยู่ในโคมแก้ว อันโคมแก้วนั้นประหนึ่งดังดวงดาวที่ประกายแสงมลังมเลือง โดยมันถูกจุดขึ้นจาก (น้ำมัน) ของต้นไม้ที่มีความจำเริญ คือ ต้นมะกอก มันมิได้อยู่ทางตะวันออก และมิได้อยู่ทางตะวันตก น้ำมันของมันแทบจะประกายแสงออกมา แม้นว่าไฟมิได้สัมผัสมันก็ตาม..”

               ที่ว่า ต้นมะกอกไม่ได้อยู่ทางตะวันออก และมิได้อยู่ทางตะวันตกนั้น เพราะมันเป็นไม้ยืนต้นที่ขึ้นอยู่ในเขตทะเลทรายของดินแดนกึ่งกลางของโลกตามแผนที่ ความร้อนและแสงแดดได้แผดเผาผลมะกอกจนสุกงอม และน้ำมันที่สกัดจากผลมะกอกนั้นก็ใสสะอาด  ความใสสะอาดของน้ำมันมะกอกเกือบจะประกายแสงออกมาในตัวมันเอง แม้ว่าจะไม่ได้เอาไฟไปจุดให้มันลุกโพลง ความของอายะฮฺนี้เป็นการอุปมาอุปมัยความบริสุทธิ์แห่งหลักคำสอนของอิสลามที่พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ) ทรงประทานให้กับเหล่ามวลบ่าวนอกเหนือจากความมหัศจรรย์ของต้นมะกอกและน้ำมันของมัน

               ส่วนคำว่า “อัซซัยตูน” นั้นถูกระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน 6 แห่งด้วยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของสวนผลไม้ที่มีผลไม้หลากชนิด และกล่าวถึงผลไม้ในสวนสวรรค์ พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ) ทรงสาบานด้วยมะเดื่อและมะกอกในบทอัตตีน อายะฮฺที่ 1 ซึ่งนักวิชาการอธิบายว่าการสาบานด้วยมะเดื่อและมะกอกเป็นนัยระบุถึง ภูเขามะกอกเทศ ในดินแดนปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นนิวาสถานของท่านศาสดาอีซา (อะลัยฮิซซลาม)

               ทั้งนี้นับแต่สมัยโบราณเมื่อหลายพันปีก่อน  ดินแดนปาเลสไตน์มีการเพาะปลูกมะกอกและมะเดื่อ  มีหลักฐานยืนยันว่า ชาวยะบู๊ส ซึ่งเป็นชาวคะนาอัน (กันอาน) เป็นกลุ่มชนรุ่นแรกๆ ที่ทำการเพาะปลูกมะกอก มะเดื่อ และองุ่น ในดินแดนนี้ และยังรู้จักการสกัดน้ำมันจากผลมะกอกอีกด้วย

               มีอัลฮะดีษระบุว่า  “พวกท่านจงรับประทานมะกอกและทาด้วยน้ำมันมะกอกเพราะ น้ำมันมะกอกนั้นมาจากต้นไม้ที่จำเริญ” (จากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ (ร.ฎ) บันทึกโดย อัตติรมิซีย์และ อิบนุมาญะฮฺ) และอีกบทหนึ่งระบุว่า “พวกท่านจงทำน้ำแกงด้วยผลมะกอก (หรือน้ำมันมะกอก) และทาด้วยน้ำมันมะกอก เพราะมันมาจากต้นไม้ที่จำเริญ” (จากท่านอิบนุ อุมัร (ร.ฎ) บันทึกโดย อัลบัยฮะกีย์ และ อิบนุมาญะฮฺ)

               ท่านอิบนุ  อัลก็อยยิม (ร.ฎ) ระบุว่า  มะกอกมีสรรพคุณร้อน  น้ำที่ถูกคั้นจากผลมะกอกสุกถือว่ามีประโยชน์มาก ผลสีดำมีสรรพคุณล้างพิษและเป็นยาระบาย ขับพยาธิ และชะลอความแก่ น้ำผลมะกอกที่ผสมเกลือจะบรรเทาอาการพุพองของแผลที่เกิดจากไฟไหม้  ทำให้เหงือกแข็งแรง  ใบมะกอกมีสรรพคุณแก้ผื่นผดคัน  งูสวัด เริม  และห้ามเลือด (ซาดุ้ลมะอ๊าด, อิบนุ อัลก็อยยิม 3/272)       

               นักการแพทย์สมัยใหม่ได้วิจัยถึงสรรพคุณของมะกอกและน้ำมันมะกอก พบว่า  การบริโภคอาหารของพลเมืองรอบๆ เขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (ยุโรปตอนใต้-แอฟริกาเหนือ-เอเชียน้อย)  ที่มีส่วนผสมของมะกอกและน้ำมันมะกอกมีอัตราของผู้ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบมีน้อยกว่าในภูมิภาคอื่นๆ ผลการวิจัยยังพบอีกว่า  น้ำมันมะกอกสามารถลดปริมาณคลอเรสเตอรอลในเลือด และมีผลป้องกันโรคมะเร็งในเต้านมสำหรับสตรีที่รับประทานน้ำมันมะกอกเป็นประจำอีกด้วย