อบุลหะซัน อัซซูฟีย์ (ابوالحسن الصوفي)
อบุลหะซัน อับดุรเราะฮฺมาน อิบนุ อุมัร อิบนิ มุฮำมัด อิบนิ ซะฮฺล์ อัซซูฟีย์ ถือกำเนิด ณ เมืองอัรร็อยย์ ใกล้กับเมืองเตหะราน นครหลวงของอิหร่านในปัจจุบัน เมื่อปี ฮ.ศ.291 (ค.ศ.903) และเสียชีวิตในปี ฮ.ศ.376 (ค.ศ.986) อัซซูฟีย์มีบุคลิกภาพที่โดดเด่น มีความเฉลียวฉลาด มีความละเอียดลออในการแสดงความคิดเห็นและมักใช้สำนวนข้อเขียนที่เข้าใจง่าย เขาให้ความสำคัญในการยืนยันความน่าเชื่อถือต่อข้อมูลต่างๆ ของตนด้วยหลักฐานและการอธิบายด้วยวิธีการหลากหลาย
ชื่อเสียงของอัซซูฟีย์เป็นที่กล่าวขานในฐานะอาจารย์ผู้มีความอัจฉริยะ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของอัซซูฟีย์จึงมีทั้งแม่ทัพและบุคคลสำคัญในอาณาจักรอัลบูยะฮียะฮฺ แม้แต่อะฎ่อดุดเดาละฮฺเองก็เป็นสหายคนสำคัญของอัซซูฟีย์ ส่วนหนึ่งจากสาเหตุที่อัซซูฟีย์ได้รับเกียรติและการยกย่องเป็นอันมากจากอะฎ่อดุดเดาละฮฺ คือ
(หนึ่ง) เนื่องจากชื่อเสียงทางวิชาการของอัซซูฟีย์ที่เลื่องลือในหมู่นักปราชญ์ร่วมสมัย
(สอง) อัซซูฟีย์เป็นอาจารย์ของบุคคลสำคัญหลายคนในอาณาจักรอัลบูยะฮียะฮฺ
(สาม) การวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์และปราศจากอคติของอัซซูฟีย์ต่อผลงานของนักปราชญ์ชาวกรีก
อัซซูฟีย์ได้รับสถานภาพอย่างสูงในด้านวิชาดาราศาสตร์เนื่องด้วยการเฝ้าดูดวงดาวนับพันดวงอย่างละเอียดและกำหนดตำแหน่งของดวงดาวอย่างแม่นยำ พร้อมทั้งวาดรูปและใส่สีดวงดาวเป็นจำนวนมากอันเป็นสิ่งบ่งถึงความชำนาญและรสนิยมทางศิลปะของอัซซูฟีย์
ในตำรา “อัลกะวากิบ อัซซาบิตะฮฺ” ที่อัซซูฟีย์ได้แต่งขึ้นนั้นเขาได้ระบุดวงดาวที่มีตำแหน่งแน่นอนเพิ่มเติมมากกว่าจำนวนของดวงดาวที่เคยเป็นที่รู้จักกันในแวดวงนักดาราศาสตร์ คือ ราว 1025 ดวง ส่วนดวงดาวที่ไม่ปรากฏตำแหน่งแน่ชัดนั้นมีมากมายเหลือคณานับ ส่วนตำรา” อัลอะมัล บิลอัสฏุรล๊าบ” ที่เขาได้แต่งขึ้นอีกเล่มหนึ่งนั้น อัซซูฟีย์ได้อธิบายถึงวิธีการในการใช้เครื่องมือ “แอสโทรแล็บ” ไว้อย่างละเอียด
ในช่วงต้นๆ อัซซูฟีย์ได้ค้นคว้าข้อมูลดาราศาสตร์โดยอาศัยตำรา “อัลมะญิสฎี่ย์” (อัลมาเจส ติก) ของปโตเลมี่ ซึ่งในตำราเล่มนี้ปโตเลมีได้คำนวณพิกัดเส้นรอบวงของจักรราศี (Zodiac) และ ปโตเลมีพบว่ามันจะมีพิกัด 1 องศาในทุกๆ 100 ปี ขณะที่อัซซูฟีย์คำนวณได้ว่าจะมีพิกัด 1 องศาในทุกๆ 66 ปี ส่วนนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันซึ่งอาศัยดาวเทียมดาราศาสตร์ที่ใช้รังสีอินฟาเรดคำนวณพิกัดได้ 1 องศาในทุกๆ 71 ปี ทั้งนี้เราจะพบว่า อัซซูฟีย์มีความแม่นยำอย่างมากเมื่อพิจารณาการใช้เครื่องมือ “แอสโทรแล็บ” ของเขา
นักวิทยาศาสตร์ในปัจจบันมีความฉงนและทึ่งต่อข้อมูลทางดาราศาสตร์ที่อัซซูฟีย์ได้รวบรวมเอาไว้ในตำรา “อัลกะวากิบ” ของเขา ด้วยเหตุนี้จึงมิใช่เรื่องแปลกที่เราจะพบว่านักประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ได้วางตำรา “อัลกะวากิบ” ของอัซซูฟีย์ในระดับเดียวกันกับตำรา “อัซซีจญ์ อัลฮากิมี่ย์” ของอิบนุยูนุส อัซซ่อดะฟี่ย์ อัลมิซรี่ย์, ตำรา “ซีจญ์ กูรกานีย์” หรือ “ซิจญ์ ญะดีด ซุลตอนี่ย์” ของอาลูลัฆเบก, ตำราทั้ง 3 เล่มนี้ถือเป็นแหล่งอ้างอิงสำคัญที่ผู้ค้นคว้าในวิชาดาราศาสตร์ไม่อาจละเลยได้
ตำราที่อัซซูฟีย์ได้แต่งขึ้นจำนวนหลายเล่มได้ถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ และมีการเปรียบเทียบทฤษฎีของอัซซูฟีย์ทางดาราศาสตร์กับทฤษฎีทางดาราศาสตร์ของปโตเลมี นักวิชาการผู้สันทัดกรณีได้พบว่าทฤษฎีของอัซซูฟีย์มีความแม่นยำกว่าทฤษฎีของปโตเลมีเป็นอันมาก
อบุลฮะซัน อัซซูฟีย์ ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดทฤษฎีทางดาราศาสตร์จากตำรา “อัลมาญิสฏี่ย์” ของปโตเลมีเท่านั้น หากแต่อัซซูฟีย์ยังได้นำเสนอข้อมูลใหม่ๆ ในวิชาดาราศาสตร์เพิ่มเติมอีกหลายประการ เขาแก้ไขมาตรการวัดทางดาราศาสตร์แบบเก่าให้ถูกต้อง และรู้จักตำแหน่งของดวงดาวและหมู่ดาวต่าง ๆ อย่างละเอียดแม่นยำ อีกทั้งยังได้มีส่วนในการพัฒนาวิชาดาราศาสตร์ให้มีความเจริญรุดหน้าด้วยการทดลองทางวิทยาศาสตร์อันเป็นผลทำให้ประชาชาติอิสลามให้ความสำคัญต่อการสร้างหอดูดาวทั่วดินแดนอาหรับ
ที่สำคัญ อบุลฮะซัน อัซซูฟีย์ ได้สร้างรูปทรงกลมเหมือนลูกโลกแสดงเทหวัตถุแห่งฟากฟ้า โดยระบุชื่อของดวงดาวและใส่สีลงบนภาพวาดเหล่านั้นอย่างชัดเจน