สัจพยากรณ์ที่ระบุว่าท่านเคาะลีฟะฮฺ อาลี อิบนุ อบีฏอลิบ (ร.ฎ.) จะถูกสังหารและเป็นชะฮีด

รายงานจากสะอีด อิบนุ ซัยดฺ ว่า : แท้จริงท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า :

أُثْبُتْ حِرَاءُ ، فَمَاعَلَيْكَ إِلَّا نَبِيٌّ أوصِدِّيْقٌ أَوْشَهِيْدٌ

“จงนิ่งเถิด (อย่าสั่นไหว) โอ้ หิรออฺ ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือเจ้านอกจากผู้เป็นนบี หรือ ผู้เชื่อด้วยความสัตย์ หรือ ผู้ได้รับมรณสักขี (ชะฮีด) เท่านั้น” (อัล-ฮัยษะมียฺ บันทึก สำนวนนี้ไว้ใน มะวาริด อัซ-ซอมอาน (2198) , อิบนุหะญัร ในอัล-มะฏอลิบ อัล-อาลียะฮฺ (4032) , อัลฮินดียฺ ใน กันซุลอุมมาล (36739) และอัซ-ซะบีดียฺ ใน อิตติหาฟุส สาดะฮฺ อัล-มุตตะกีน (7/193)

หะดีษเรื่องนี้รายงานด้วยสายรายงานจำนวนมากและมีถ้อยคำแตกต่างกัน ในบางสายรายงานระบุว่าเป็น ภูเขาอุฮุด แทน หิรออฺ (ถ้ำบนภูเขาอัน-นูร) ปรากฏว่าขณะที่ท่านศาสนทูต (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวหะดีษนี้นั้น บนภูเขาอัน-นูร ถ้ำหิรออฺ มีตัวท่านและอบูบักร , อุมัร ,  อุสมาน และท่านอะลี (ร.ฎ.) อยู่พร้อมกัน (สิยัร อะอฺลามฺ อัน-นุบะลาอฺ ; อัซ-ซะฮฺบียฺ เล่มที่ 2 หน้า 626)

“ศิดดีก” ก็คือท่านอบูบักร (ร.ฎ.) ส่วนคำว่า “ชะฮีด” ก็หมายรวมถึงท่านอุมัร (ร.ฎ.) , ท่านอุสมาน (ร.ฎ.) และท่านอาลี (ร.ฎ.) นั่นเอง ทั้งสามท่านถูกลอบสังหารและได้รับสถานะของผู้เป็นชะฮีดในอาคิเราะฮฺตามที่ท่านศาสนทูต (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวเป็นนัยเอาไว้

นอกจากนี้ อัล-อะอฺมัช รายงานจากหะบีบ อิบนุ อบีษาบิต จาก ษะอฺละบะฮฺ อิบนิ ยะซีด อัล-หุมมานียฺ ว่า : ฉันเคยได้ยินท่านอาลี (ร.ฎ.) กล่าวว่า : “ฉันเป็นพยานยืนยันได้ว่า แน่แท้ท่านศาสนทูต (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) เคยกระซิบบอกฉันว่า :  لَتُخْضَبَنَّ هذِه مِنْ هذِه   “(ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ) ว่าแน่นอนตรงนี้จะถูกชะโลมจากตรงนี้” หมายถึงเคราของท่านอาลี (ร.ฎ.) จากศีรษะของท่าน (อิบนุ สะอฺด์ ใน อัฏ-เฏาะบะกอต 13/34) , หิลยะตุลเอาวฺลิยาอฺ (1/82-83) , อัล-มุสตัดรอก ; อัล-หากิม (3/143) และ ศิฟะตุศ-ศอฟวะฮฺ ; อิบนุ อัล-เญาวฺซียฺ 1/332)

ในหะดีษบทนี้ ท่านศาสนทูต (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กระซิบบอกกับอาลี (ร.ฎ.) ว่า ท่านอาลี (ร.ฎ.) จะถูกลอบสังหารโดยถูกฟันบริเวณศีรษะของท่านแล้วเลือดจากบาดแผลก็จะไหลลงมาถึงเคราของท่านเหมือนถูกชะโลมให้ชุ่มนั่นเอง ซึ่งเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับท่านอาลี (ร.ฎ.) นั้นท่านรู้ว่าจะต้องเกิดขึ้นกับตัวท่านนับตั้งแต่ที่ท่านศาสนทูต (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กระซิบบอกกับท่าน

ดังปรากฏในรายงานของชุรอยกฺ จาก อุสมาน อิบนุ อบีซุรอะฮฺ จาก ซัยดฺ อิบนุ วะฮฺบ์ ว่า : พวกค่อวาริจจากเมืองอัล-บัศเราะฮฺกลุ่มหนึ่งได้มาหาท่านอาลี (ร.ฎ.) แล้ว อัล-ญะอฺด์ อิบนุ นะอฺญะฮฺ คนหนึ่งจากพวกนั้นก็กล่าวขึ้นว่า : “โอ้ อาลี! ท่านจงยำเกรงต่ออัลลอฮฺเถิด เพราะแน่แท้ท่านต้องตาย (แบบปกติ)” ท่านอาลี (ร.ฎ.) กล่าวว่า

بَلْ مَقْتُوْلٌ ، ضَرْبَةٌ على هذه تَخْضَبُ هذه ، عَهْدٌ مَعْهُوْدٌ ، وَقَضَاءٌ مَقْضِيٌّ ، وَقَدْ خَابِ مَنِ افْتَرَى

“เปล่า! (ฉัน) เป็นผู้ถูกสังหาร (ต่างหาก) เป็นการฟันหนึ่งครั้งบนนี้ (ศีรษะ) คือสัญญาที่ถูกกระทำไว้แล้วและเป็นกำหนดที่ถูกลิขิตไว้แล้ว และแน่แท้ผู้ที่มุสาย่อมสิ้นหวัง”  (อัซ-ซุฮฺด์ ; อิหม่าม อะหฺหมัด (165) , อัล-อิสตีอาบ ; อิบนุ อับดิลบัรฺ (3/60)

แล้วสิ่งที่ท่านศาสนทูต (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้บอกกับท่านอาลี (ร.ฎ.) ก็เกิดขึ้นจริงตามนั้น เดือนเราะมะฎอน ค่ำวันศุกร์ที่ 17 ปีฮ.ศ. ที่ 40 ขณะที่ท่านอาลี (ร.ฎ.) ได้ออกไปมัสญิดเพื่อละหมาดศุบหฺ พวกค่อวาริจที่นัดหมายกันว่าจะลงมือลอบสังหารท่านได้ซุ่มรออยู่ปากตรอกที่ท่านเคาะลีฟะฮฺอาลี (ร.ฎ.) ใช้เดินไปมัสญิดเป็นประจำ

แล้วอับดุรเราะหฺมาน อิบนุ มุลญัม หนึ่งในพวกนั้นก็ใช้ดาบอาบยาพิษฟันที่ด้านข้างศีรษะของท่านเคาะลีฟะฮฺอาลี (ร.ฎ.) เป็นผลทำให้เลือดจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะของท่านไหลชะโลมลงมาที่เคราของท่านตามที่ท่านศาสนทูต (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้มีสัจจพยากรณ์ไว้ทุกประการ ขอพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงยินดีและพอพระทัยต่ออะมีรุลมุอฺมินีน อาลี อิบนุ อบีฏอลิบ (ร.ฎ.) ด้วย