ฝรั่งล่องเรือชมคลองบ้านป่า

เมื่อสมัยที่เรายังเด็กประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา น้ำในคลองบ้านป่ายังคงไหลลงคลองพระโขนงได้สะดวก สภาพของน้ำขึ้นน้ำลงยังเป็นปกติ น้ำจึงมีการถ่ายเทลำคลองในเวลานั้นกว้างกว่าปัจจุบันมาก เพราะไม่มีการรุกล้ำและไม่มีการสร้างสะพานปูนเป็นทางเดินเช่นทุกวันนี้ คลองบ้านป่ายังคงมีป่าและต้นไม้ขึ้นรกครื้มทั้งสองฝั่ง น้ำในคลองก็ใสสะอาดถึงขั้นตักขึ้นมาดื่มกินได้เลย

 

เวลาเรามาเล่นที่บ้านโต๊ะ จึงมักถูกใช้ให้ตักน้ำใส่ตุ่มล้างเท้าหน้าหัวกระไดขึ้นบ้านโต๊ะ เราเรียกกันว่า “โอ่งน้ำล้างตีน” เป็นโอ่งดินเผาสีแดง มีตะไคร่น้ำจับอยู่ภายในโอ่ง กระบวยตักน้ำก็เป็นไม้มีกระลามะพร้าวผูกเป็นกระบวย ที่กระบวยโอ่งน้ำล้างตีนก็มีตะไคร่น้ำจับเช่นกัน เวลาไปวิ่งเล่นที่ลานต้นมะขามข้างสุเหร่าซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านโต๊ะ คอแห้งหิวน้ำก็จะวิ่งกลับมาอาศัยน่ำในโอ่งล้างตีนดับกระหาย น้ำในโอ่งล้างตีนเย็นชื่นใจเพราะเป็นโอ่งดินเผาและถูกปรับอุณหภูมิด้วยตะไคร่น้ำที่จับอยู่ภายในโอ่ง

 

ที่ลานต้นมะขามข้างสุเหร่าใหญ่ด้านริมคลองมีเขื่อนปูนซีเมนต์เป็นแนวเขต ทุกวันบริเวณริมเขื่อนนี้จะมีเรือสองตอนแวะเวียนเข้ามาชุดละ 3-4 ลำ แต่ละลำจะมีฝรั่งผมทองผิวขาวหน้าตาไม่คุ้นเคยนั่งกันมาเต็มลำ ในมือของพวกฝรั่งจะมีกล้องถ่ายรูปรุ่นเก่าอยู่เกือบทุกคน พวกฝรั่งลงเรือจากท่าเรือพระโขนงและออกเรือมาเป็นขบวน มีคนขับเรือเป็นคนไทยพาพวกฝรั่งลัดเลาะจากคลองพระโขนงเข้ามาทางคลองบ้านป่าที่คดเคี้ยวและมีธรรมชาติทั้งสองฝั่งคลองที่อุดมด้วยป่ารกชัฏ

 

สมัยนั้นบ้านคนที่ตั้งอยู่ริม 2 ฝั่งคลองยังมีน้อยมาก พวกฝรั่งจึงชอบและเพลิดเพลินกับการนั่งเรือสองตอนชมสภาพธรรมชาติสองฝั่งคลอง เมื่อพ้นคลองบ้านป่าตรงช่วงที่เรียกว่าคลองวัดช้าง ขบวนเรือก็จะลอดผ่านใต้สะพานข้ามคลองบ้านป่าที่เป็นส่วนหนึ่งของถนนซอยสวนหลวง แต่เลี้ยวซ้ายขึ้นไปทางคลองตื้น บริเวณคลองตื้นนี้แหล่ะที่เป็นป่ารกครึ้มทั้ง 2 ฝั่ง มีป่าไผ่และไม้ใหญ่ขึ้นชุกชุม ความที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นชุกชุมจึงทำให้คลองตื้นเป็นเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ แม้ในเวลากลางวันแสกๆ ก็ยังมืดสลัวเพราะแสงแดดแทบจะไม่ตกกระทบถึงผืนน้ำในคลอง

 

สัตว์จำพวกนกนานาชนิดและฝูงกระรอกจึงเป็นสิ่งที่พบเห็นโดยตลอดของเส้นทางคลองตื้นนี้ เมื่อขบวนเรือลอดผ่านอุโมงค์ต้นไม้ที่คลองตื้นมาพักใหญ่ก็จะมาโผล่ตรงสามแยกบริเวณริมเขื่อนหัวลานต้นมะขามที่กล่าวถึงมาแล้ว ภาพที่น่าประทับใจก็คือ เมื่อพ้นป่าที่คลองตื้นก็จะพบกับมัสยิดหลังใหญ่ที่มีหออะซานสูงชะลูดเสียดฟ้าเบื้องหน้า พวกฝรั่งต่างแดนคงประหลาดใจไม่มากก็น้อยเพราะอยู่ดีๆ ก็พบกับมัสยิดหรือสุเหร่าตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าริมคลองเป็นเสมือนสิ่งมหัศจรรย์ที่โผล่ขึ้นมากลางป่านั่นทีเดียวเชียว

 

ที่สำคัญมัสยิดนุรุลอิสลามหรือสุเหร่าบ้านป่านี้เคยเป็นมัสยิดหลังใหญ่ติดอันดับหนึ่งของประเทศไทยมาแล้วเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา จึงเหมือนกับว่าการล่องเรือชมป่าริมคลองของพวกฝรั่งยังได้ชมมัสยิดหลังงามแห่งนี้เพิ่มเป็นทิปเข้ามาด้วย ที่ริมเขื่อนก็จะมีพวกเด็กๆ ทั้งผู้หญิงผู้ชายร้องตะโกนบ๊ายบายกับฝรั่งต่างถิ่นที่เข้ามาเยี่ยมชม ในมือของเด็กๆ ก็จะมีผลไม้ที่เก็บได้จากป่าแถวๆ นั้นมาเสนอให้กับพวกฝรั่งที่จอดเรือแวะอยู่ริมเขื่อนเพื่อแลกกับสตางค์ที่ฝรั่งจะโยนขึ้นมาให้

 

ผลไม้ที่ว่าก็คือ ลูกหว้า ลูกตะขบ ลูกมะหวด สีสันแปลกตาซึ่งเก็บได้จากบริเวณใกล้เคียง บางทีก็มีลูกมะขวิดและลูกมะนู (มะพูด) อีกด้วย เด็กๆ บางคนก็เก็บดอกไม้จำพวก ดอกภู่ระหงษ์ ดอกเข็ม ผูกรวมเป็นช่อเล็กๆ รัดด้วยหนังยาง ช่อละ 5 บาทบ้าง 10 บาท ฝรั่งก็ซื้อเอาไว้และถ่ายรูป เด็กๆ ก็ดีใจได้ตังค์ค่าขนมเอาไปซื้อข้าวเหนียวถั่วดำของโต๊ะแต๋วที่พายเรือขายขนมจอดเทียบอยู่ริมคลอง

 

เมื่อขบวนเรือฝรั่งเคลื่อนต่อออกไปในลำคลองบ้านป่าก็จะเลยขึ้นไปตรงช่วงคลองสะแกที่ตัดออกสู่คลองตันก็วกกลับไปที่คลองพระโขนงและไปส่งลงขึ้นท่าเรือที่สะพานพระโขนงอีกทีก็เป็นอันสุดสิ้นการล่องเรือ อนิจจา! ภาพฝรั่งล่องเรือสองตอนเข้ามาเที่ยวชมคลองบ้านป่าไม่มีอีกแล้ว เพราะน้ำในคลองเน่าเสีย นึกแล้วก็เสียดายวันเก่าๆ ของลำคลองสายนี้ ที่ยากจะหวนกลับมา