เรื่องบ้าๆ ที่ไม่บ้า
คำว่า “บ้า” เป็นคำวิเศษณ์ (คุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์) แปลว่า เสียสติ วิกลจริต สติฟั่นเฟือน หลงใหลหรือมัวเมาในสิ่งนั้นๆ จนผิดปกติ เช่น บ้ากาม บ้ายศ บ้าฟุตบอล (บ้าอย่างหลังนี่ดูเหมือนคนไทยจะเป็นกันมาก โดยเฉพาะบ้าฟุตบอลอังกฤษ เป็นต้น) บางทีก็หมายถึง อาการที่สัตว์บางชนิด เช่น หมาเป็นโรคกลัวน้ำ เรียกว่า หมาบ้า
บ้าชนิดมุทะลุทะลึ่งตึงตัง เรียกว่า บ้าระห่ำ คำว่า บ้าระห่ำ นี้มีผู้รู้ตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะมีเค้ามาจากพิธี มะหะหร่ำ (มุฮัรรอม) คำนี้บางทีขียนเป็น “บ้าระฮำ” ก็มี หมายถึง การเต้นของแขกเจ้าเซ็น (ชีอะห์) เพื่อรำลึกถึงความทุกข์ยากที่ท่านอิมาม หุสัยน์ (รฎ.) ได้รับจนถึงแก่ชีวิตที่เมืองกัรบะลาอฺ ในประเทศอิรัก การเต้นอย่างนี้อาจตั้งเค้าแก่ศัพท์ไทยว่า “บ้าระห่ำ” ก็ได้
“บ้าน้ำลาย” หมายถึง ชอบพูดพล่าม ชอบพูดเพ้อเจ้อ (กรณีบ้าน้ำลาย นี่เป็นกันมากในหมู่นักการเมืองบ้านเรา และบางทีโต๊ะคอเต็บในบางมัสยิดก็อาจจะได้รับเชื้อมาบ้าง แต่น่าจะเรียกว่า น้ำลายแตกฟองมากกว่า) ส่วนคำว่า บ้าบ๋า อันนี้ไม่ได้บ้าหรือเสียสติอะไร แต่เป็นคำนามใช้เรียกชายที่เป็นลูกครึ่งจีนกับมลายูที่เกิดในมลายูและอินโดนีเซีย ซึ่งในภูมิภาคแถบนี้ (แหลมมลายูและชวาในอินโดนีเซีย) มีชาวจีนโพ้นทะเลตั้งหลักปักฐานมาทำค้าขายกันอยู่เป็นอันมาก คำว่า บ้าบ๋า ใช้เรียกคู่กับ ย่าหยา ซึ่งหมายถึงหญิงลูกครึ่งจีนกับมลายูที่เกิดในมลายูและอินโดนีเซีย (คงไม่เกี่ยวอะไรกับ ย่าย่าหญิง) มีอีกคำหนึ่งเรียก “บ้าระบุ่น” เป็นคำนาม หมายถึง นกปรอด มีรากศัพท์มาจากภาษาอิหร่าน – เปอร์เซีย – ว่า บุ้ล-บุ้ล (bulbul) ซึ่งหมายถึง นกไนติงเกล นั่นเอง
ที่มา
- พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525
- ความสัมพันธ์ของมุสลิมทางประวัติศาสตร์และวรรณคดีไทย : ดิเรก กุลสิริสวัสด์ ศิลปวัฒนธรรม มติชน พ.ศ. 2545