ศาสดาประกาศก แห่งพงศ์พันธุ์อิสรออีล

        ค่า “อิสรออีล” (Israel) เป็นนามชื่อของท่านศาสดา ยะอฺกู๊บ (เจคอบ) บุตรท่านศาสดาอิสหาก (ไอแซก , ยิสฮัก) ซึ่งเป็นบุตรชายคนรองของท่านศาสดาอิบรอฮีม (อับราฮัม) อันเกิดแต่นางซาเราะห์ (ซาร่าห์) ผู้เป็นภรรยา ส่วนบุตรชายคนหัวปีของท่านศาสดาอิบรอฮีม (อ.ล.) อันเกิดแต่ภรรยานามว่า ฮาญัร (ฮาฆาร์) สตรีชาวอียิปต์ (ซึ่งความจริงเป็นเจ้าหญิงชาวอียิปต์ “คอปติก” ที่ตกเป็นเชลยของพวกฮิกซุสที่เข้ารุกรานอียิปต์และสถาปนาราชวงศ์ขึ้นถึง 4 ราชวงศ์ นับแต่ปี 1800 ก่อนคริสตกาล จนกระทั่งถึงปี 1587 ก่อนคริสตกาล) ก็คือ อิสมาอีล (อิชแมล) ผู้เป็นศาสดาและต้นตระกูลของชาวอาหรับเลือดผสมและตระกูลกุเรซอันเป็นตระกูลของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ในกาลต่อมา ศาสดายะอ์กู๊บ หรือ อิสรออีล (ซึ่งหมายถึง บ่าวแห่งพระผู้เป็นเจ้า , หรือทหารหาญของพระเจ้า) มีภรรยาหลายท่านด้วยกัน โดยให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่านศาสดายะอ์กู๊บ (อ.ล.) ถึง 12 คนด้วยกัน ดังนี้

        1. ภรรยาชื่อ เลอาฮ์ ให้กำเนิดบุตรชาย 6 คน คือ รูบีน , ซัมอุน , ลาวี (จากเชื้อสายของลาวี คือ ศาสดาโมเสส- มูซา) ยะฮูซ่า (ซึ่งเป็นชื่อของชนชาติยิว ยะฮูดีย์ ที่ใช้เรียกในภายหลัง) ยัซซากิร , ซ่าบูลูน
        2. ภรรยาชื่อ รอฮีล (ราเชล) มีบุตร 2 คน คือ ยูซุฟ (โจเซฟ) และ เบนยามีน
        3. ภรรยาชื่อ ซิลฟ่า (ซึ่งเป็นสาวใช้ของนางเลอาฮ์) มีบุตร 2 คน คือ ญาด (ก๊าด) , อะชีร (อาเชอร์)
        4. ภรรยาชื่อ เบลฮ่าฮ์ (ซึ่งเป็นสาวใช้ของนางรอฮีล) มีบุตร 2 คน คือ ดาน และ เนฟตาลี

        ทั้งหมดรวม 12 คน เป็นบุตรของอิสรออีล (บะนู อิสรออีล) และเป็นต้นตระกูลของชาวยิว (ยะฮูดีย์) ทั้งหมด

        พงศ์พันธุ์อิสรอีลนับเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีศาสดาประกาศกมากที่สุด ที่ถูกระบุนามชื่อในคัมภีร์อัลกุรอ่านนั้นก็มีอยู่หลายท่านปรากฏในทำเนียบศาสดาประกาศก และเป็นที่ทราบกันดี อาทิเช่น ยูซุฟ (โจเซฟ) , มูซา (โมเสส) , ฮารูน (อารอน) , ยูชะอ์ (โจชัว) , ดาวูด (เดวิด) และสุลัยมาน (โซโลมอน) เป็นต้น

 

        ณ ที่นี้จะขอนำนามชื่อของเหล่าศาสดาประกาศกแห่งพงศ์พันธุ์อิสรออีลที่ไม่ค่อยจะคุ้นกันนัก มากล่าวไว้โดยพอสังเขป

        1. ศาสดาซามูเอล (ซ่อเมาอีล หรือ ซอมวีล อาหรับเรียก ซัมวีล) เป็นปุโรหิตที่ดำรงตำแหน่งตุลาการของชาวอีสรออีลท่านสุดท้าย สืบเชื้อสายมาจากท่านซัมอูน บุตรท่านหนึ่งของท่านศาสดายะอฺกู๊บ (อ.ล.) เรื่องราวของท่านศาสดาซามูเอลได้ถูกระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่านในบทอัลบะกอเราะห์ พระบัญญัติที่ 246 – 248   เชื้อสายของศาสดาซามูเอล มีดังนี้ ซัมวีล (อัชมาวีล หรือ ซามูเอล) บุตรบาลี บุตรอัลก่อมะห์ บุตรยัรคอม บุตรอัลยะฮู บุตรติฮู บุตรซูฟ บุตรอัลก่อมะห์ บุตรมาฮิซฺ บุตรอะมูซอ บุตรอิซฺริยา ผู้รู้บางท่าน (เช่น ท่านมุกอติล) กล่าวว่า : ท่านซามูเอลสืบพงศ์พันธุ์จากท่านศาสดาฮารูน (อ.ล.)

 

        2. ศาสดาชะอฺยา บุตร อัมซิยา นักประวัติศาสตร์ระบุว่า : ศาสดาท่านนี้มีชีวิตอยู่ก่อนสมัยศาสดาซะกะรียา (อัสคารียา) และศาสดายะห์ยา (จอหฺน) ท่านเป็นศาสดาประกาศกที่เผยแพร่ข่าวดีถึงการมาของศาสดาอีซา (เยซู) และท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ในสมัยของศาสดาชะอฺยา (อิชอิยา) กษัตริย์แห่งอิสรออีลที่ครองกรุงเยรูซาเล็มนั้นมีนามว่า ฮิซกิยา ซึ่งอยู่ในช่วงการกรีฑาทัพของอาณาจักรบาบิโลนโดยกษัตริย์ซินฮารีบ เพื่อรุกรานอาณาจักรอิสราเอล แต่ก็ปราชัยต่ออิสราเอลในเวลาต่อมาด้วยการช่วยเหลือของพระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ซินฮารีบแห่งบาบิโลเนียตกเป็นเชลย ท่านศาสดาชะอฺยาเสียชีวิตด้วยการรุมสังหารของชนอิสราเอลผู้แข็งขืนและไม่เชื่อฟังคำตักเตือนของท่าน

 

        3. ศาสดาอัรมิยา บุตรฮัลกิยา ศาสดาประกาศกผู้นี้มีอายุขัยอยู่ในช่วงก่อนการทำลายกรุงเยรูซาเล็มของบุคตุนนัซซอร (เนบูคัดเนซาร์) กษัตริย์อัชชู๊ร (อัชชูเรียน) ซึ่งรุกรานอาณาจักรยูดาย (ยะฮูดี) และสังหารซอดกียา บุตรยุวากีม กษัตริย์ยูดายองค์สุดท้าย ตลอดจนปล้นสะดมและทำลายวิหารโซโลมอนแห่งกรุงเยรูซาเล็ม และกวาดต้อนชนชาติอิสราเอลสู่กรุงบาบิโลน ส่วนอาณาจักรอิสราเอลซึ่งมีราชธานีอยู่ในเมืองชะกีม (นาโบลิสในปัจจุบัน) ก็ถูกกษัตริย์ซาร์กอนที่ 2 แห่งอัชชูเรียนรุกรานและทำลายลง

        กษัตริย์อิสราเอลองค์สุดท้ายคือ ฮูชะอฺ บุตรอัยละห์ ถูกจับกุมและถูกกวาดต้อนเป็นเชลยสู่อัชชูเรียน ท่านศาสดาอัรมิยาบุตรฮัลกิยาได้พยายามเรียกร้องชนชาติอิสราเอลให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์พระผู้เป็นเจ้า และละเลิกอบายมุขและความเสื่อมทรามที่แพร่ระบาดในหมู่ชนชาติอิสราเอล ท่านได้เตือนชนชาติอิสราเอลถึงการลงทัณฑ์ของพระเจ้า หากพวกเขายังคงแข็งขืนและไม่สำนึกตัว แต่ในที่สุดความหายนะก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงเลี่ยงไม่ได้ เพราะความเสื่อมทรามของอิสราเอลโดยแท้

 

        4. ศาสดาดานิยาล (แดนิแอล , ดาเนียล) เป็นศาสดาประกาศกแห่งพงศ์พันธุ์อิสราเอลในช่วงตกเป็นเชลยของเนบูคัดเนซาร์แห่งบาบิโลเนีย และถูกกวาดต้อนสู่แผ่นดินอิรัก ท่านศาสดาดินิยาล อยู่ร่วมสมัยกับศาสดาอัรมิยาบุตรฮัลกิยา มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนุอบีอัลฮุซัยน์ เล่าว่า : บุคตุนัซซอร (เนบูคัดเนซาร์) ได้ออกล่าราชสีห์มา 2 ตัว และปล่อยมันไว้ในบ่อ ท่านดานิยาลก็ถูกนำมาและมีคำสั่งให้โยนท่านลงไปในบ่อของราชสีห์ 2 ตัวนั้น แต่ปรากฏว่าราชสีห์ทั้ง 2 ตัวนั้นหาได้ทำอันตรายต่อท่านดานิยาลไม่ ..

        ท่านอบุลอาลียะห์กล่าว่า : เมื่อเราพิชิตเมืองตุ๊ชตัรได้แล้ว (เมืองตุ๊ชตัร หรือ ชุ๊ชตัร เป็นเมืองหนึ่งในอิหร่าน ตั้งอยู่ในจังหวัดคูวิสตาน ทางตอนเหนือของเมืองอัลอะห์วาซฺ) เราได้พบว่าในคลังของจวนอัลฮุรมุซาน มีเตียงอยู่หลังหนึ่ง บนเตียงนั้นมีร่างของผู้เสียชีวิตนอนสงบนิ่งอยู่และที่ศีรษะมีคัมภีร์วางอยู่ พวกเราจึงนำเอาคัมภีร์นั้นไปมอบให้ท่านค่อลีฟะห์อุมัร อิบนุ อัลคอตตอบ (รฎ.) ท่านจึงเรียกท่านกะอฺบ์ให้มาคัดลอกคัมภีร์เล่มนั้นเป็นภาษาอาหรับ ในรายงานของท่านอบุลอาลียะห์ยังได้ระบุอีกว่า ในยามที่เกิดความแห้งแล้ง ฝนฟ้าไม่ตก ชาวเมืองตุ้ชตัร ก็จะนำร่างของชายผู้นี้ออกมาแห่แหน ฝนฟ้าก็ตกลงมา ชายผู้นี้คือ ดานิยาล ซึ่งเสียชีวิตนับแต่ 300 ปี มาแล้วร่างของท่านยังคงเป็นปกติ ยกเว้นเส้นผมที่ร่วงหลุดไปจากบริเวณท้ายทอยเพียงไม่กี่เส้นเท่านั้

        ท่านอิบนุกะซีร กล่าว่า : ถ้าหากว่าดานิยาลเสียชีวิตมาได้ 300 ปี ตามคำบอกเล่าของชาวเมืองดานิยาลก็มิใช่ศาสดา แต่เป็นเพียงบุรุษผู้ทรงธรรม (ร่อญุลุน ซอลิฮ์) แต่เป็นไปได้ว่าช่วงเวลาที่ท่านดานิเยียลเสียชีวิตนั้นน่าจะมากกว่า 800 ปีมาแล้ว อันเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับประวัติของท่าน มีรายงานจากท่านอนัส อิบนุ มาลิก ด้วยสายรายงานที่ดีว่า จมูกของท่านดานิยาลนั้นยาวหนึ่งคืบ (ศอก) แสดงว่าท่านต้องมีร่างกายที่ใหญ่โตมากทีเดียว

 

        5. ศาสดาอุซัยร์ บุตร ญุเราะห์ (บ้างก็กล่าวว่า ท่านเป็นบุตรของซูรีก บุตร อัดยา บุตร อัยยูบ บุตร ดัรซะนา บุตร อะดีย์ บุตร ตะกีย์ บุตร อุซบูอ์ บุตร ฟินฮ๊าร บุตร อัลอาซิร บุตร ฮารูน บุตร อิมรอน บ้างก็ว่าท่านอุซัยร์เป็นบุตรซะรูคอ และกล่าวว่า สุสานของท่านอยู่ ณ นครดามัสกัส) มีรายงานจากท่านอิบนุ อับบาส (รฎ.) ว่า : ฉันไม่ทราบแน่ว่า อุซัยร์ได้รับสัตยาบันหรือไม่ และฉันก็ไม่ทราบแน่ว่า อุซัยร์นั้นเป็นศาสดาหรือไม่

        ท่านอุซัยร์ เป็นชาวอิสรออีลผู้หนึ่งที่ตกเป็นเชลยและถูกกวาดต้อนไปยังบาบิโลเนีย โดยกษัตริย์เนบูคัดเนซาร์ ขณะที่ท่านยังเป็นเด็กหนุ่มรุ่นๆ อยู่ ครั้นเมื่อท่านอายุได้ 40 ปี พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประทานภูมิความรู้ (อัลฮิกมะห์) แก่ท่าน และในหมู่ชาวอิสรออีลนั้นไม่มีผู้ใดที่จะจดจำและรอบรู้ในคัมภีร์เตารอตมากไปกว่าท่าน และผู้รู้หลายท่านได้ระบุว่า ท่านอุซัยร์คือ บ่าวที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้เสียชีวิตไปเป็นเวลา 100 ปี ต่อมาก็ให้ท่านฟื้นคืนชีพ (เรื่องนี้ถูกระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน บทอัลบะกอเราะห์ พระบัญญัติที่ 259)

        ในพระวจนะของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวถึงศาสดาผู้หนึ่งได้ลงพักใต้ต้นไม้ แล้วมีมดตัวหนึ่งได้กัดศาสดาผู้นั้น ซึ่งยังผลให้มดทั้งรังถูกเผาไฟ พระผู้เป็นเจ้าจึงได้ทรงตำหนิศาสดาผู้นั้น (รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม) นักวิชาการหลายท่าน เช่น ท่านอิบนุ อับบาส และอัลฮะซัน อัลบัซรีย์ ระบุว่า คือ ท่านอุซัยร์ นั่นเอง วัลลอฮุอะอ์ลัม

 

        6. ศาสดาฮัซกียาล (แฮสเคียล) เป็นหนึ่งในศาสดาประกาศกผู้ยิ่งใหญ่ 4 ท่านของพงศ์พันธุ์อิสรออีล เริ่มพยากรณ์ราวปี 593 , 571 ก่อนคริสตกาล ท่านเป็นบุตรของบูซีย์ มีนักวิชาการหลายท่านระบุว่า เรื่องราวของท่านศาสดาฮัซฺกียาล ถูกระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน บทอัลบะกอเราะห์ พระบัญญัติ 243 ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า ท่านศาสดาผู้นี้ประกาศคำพยากรณ์ในหมู่ชนชาติอิสรออีลยาวนานเพียงใด แต่เมื่อท่านได้สิ้นชีวิตลง เหล่าชนชาติอิสรออีลก็หลงลืมพันธสัญญาที่ให้ไว้กับพระผู้เป็นเจ้า ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น ซ้ำร้ายยังได้พากันหันไปกราบไหว้เทวรูปบะอัล (บะอฺล์) พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงส่งอิลยาซ (อีเลียส) บุตร ยาซีน บุตร ฟินฮาซ บุตร อีซ๊าร บุตร ฮารูณ บุตร อิมรอน ให้เป็นศาสดาประกาศก และเรียกร้องชนชาติอิสรออีลให้กลับเนื้อกลับตัวสู่การสักการะเฉพาะพระองค์

 

        7. ศาสดาอิลิยา มีชีวิตอยู่ราว 880 850 ก่อนคริสตกาล เป็นศาสดาประกาศกผู้หนึ่งจากพงศ์พันธุ์ของอิสรออีล ท่านได้รณรงค์ต่อสู้กับการเคารพรูปเจว็ด (พระบะอัล) ซึ่งแพร่ระบาดในหมู่ชาวอิสรออีล อันเนื่องจากการเสื่อมศรัทธาต่อพระยะโฮวา (พระองค์อัลลอฮฺ ซ.บ.) และการได้รับอิทธิพลจากชนชาติปาเลสไตน์รอบข้างที่ยังคงกราบไหว้เทวรูป

ท่านศาสดาอิลิยาถูกพระมเหสีของกษัตริย์อาฮาบ คือ พระนางอิสเบลล่า คุกคามและกดขี่เพราะนางเองก็เป็นผู้หนึ่งจากเหล่าผู้เคารพสักการะต่อเทวรูปบะอัล และไม่พอใจต่อท่านศาสดาอิลิยาที่เรียกร้องให้ประหารชีวิตเหล่าพระนักบวชที่ปรนนิบัติรับใช้เทวรูปดังกล่าว ในคัมภีร์ใบเบิลเก่า (เตารอต) ระบุว่า ท่านศาสดาอิลิยาได้ถูกยกขึ้นสู่ฟากฟ้าเบื้องบนด้วยราชรถที่เป็นพระเพลิงหรือลูกไฟ สานุศิษย์ของท่านนามว่า อัลยะชาอฺ (อัลยะซะอ์) ได้สืบสานการเรียกร้องพงศ์พันธุ์อิสรอีลให้หวนกลับสู่การศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียวสืบต่อมา

 

        8. ศาสดาบารูก เคยเป็นสานุศิษย์ของท่านศาสดาอิรมิยา มีชีวิตอยู่ราวศตวรรษที่ 7 – 6 ก่อนคริสตกาล ในคัมภีร์ใบเบิลเก่า (เตารอต) ถือว่าเป็นศาสดาพยากรณ์ท่านหนึ่งที่พงศ์พันธุ์อิสรออีล

 

        9. ศาสดาซ่อฟันยา เป็นศาสดาประกาศกอีกท่านหนึ่งในพงศ์พันธุ์แห่งอิสรออีล แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนัก มีชีวิตอยู่ราวช่วงแรกของศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล

 

        10. ศาสดาน่าฮูม หนึ่งในศาสดาประกาศกแห่งอิสรออีล ได้รับวิวรณ์ (อัลวะฮฺยู) จากเอกองค์พระผู้เป็นเจ้าให้บอกข่าวถึงการล่มสลายของพวกอัชชู๊ร (อัชชูเรียน) ซึ่งเป็นอาณาจักรที่เข้ารุกรานและทำลายกรุงเยรูซาเล็มของชนชาติยิว ในราว 612 ปีก่อนคริสตกาล

 

        11. ศาสดาฮูชะอฺ (ราวปี 780 – 730 ก่อนคริสตกาล) เป็นศาสดาประกาศกท่านหนึ่งแห่งอิสรออีล ท่านได้ตำหนิประชาชนอิสรอเอลอย่างรุนแรงเพราะมีศรัทธาอ่อนแอ

 

        12. ศาสดาม่าลาคีย์ (ราวช่วงต้นของ 500 ปีก่อนคริสตกาล) นี่ก็เป็นศาสดาอีกท่านหนึ่งในพงศ์พันธุ์อิสรออีลตามที่มีระบุในคัมภีร์เตารอต (ใบเบิลเก่า)