الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛
ข้อ 1 คำว่า “พิธี” หมายถึง งานที่จัดขึ้นตามลัทธิเพื่อความขลัง แบบ , อย่าง , ธรรมเนียม และการกำหนด เป็นต้น ส่วนคำว่า “พิธีกรรม” หมายถึง การบูชา และ คำว่า “บูชา” หมายถึงแสดงความเคารพบุคคลหรือสิ่งที่นับถือด้วยเครื่องสักการะ มีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น หรือหมายถึง ยกย่องเทิดทูนด้วยความนับถือหรือเลื่อมใสในความรู้ความสามารถ
ส่วนคำว่า “ไหว้” เป็นคำกิริยา หมายถึง ทำความเคารพโดยยกมือขึ้นประนมไหว้ครู หมายถึง ทำพิธีไหว้ครูบาอาจารย์ จากคำนิยามถ้อยคำต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพิธีไหว้ครู
จะเห็นได้ว่าพิธีไหว้ครูโดยรวมจะมี 2 นัย
1) งานที่จัดขึ้นตามธรรมเนียมเพื่อแสดงการยกย่องด้วยความนับถือในความรู้ของครูที่ประสิทธิประสาทวิชาให้แก่ศิษย์ ซึ่งนัยนี้เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติที่สามารถกำหนดแบบของงานให้สอดคล้องกับหลักการของศาสนาอิสลามได้ เช่น มีการมอบของขวัญ (ฮะดียะฮฺ) ให้แก่ครู การบรรยายศาสนธรรมในหัวข้อเรื่องที่เกี่ยวกับความสำคัญของครู เป็นต้น หากพิธีไหว้ครูเป็นไปในลักษณะนี้ก็สามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งโรงเรียนสามัญที่มีนักเรียนมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ควรปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นอย่างที่ว่านี้
2) งานที่จัดขึ้นตามลัทธิความเชื่อทางศาสนาในรูปแบบพิธีกรรมที่มีการบูชาเป็นองค์ประกอบโดยคำว่าบูชานี้หมายถึง การแสดงความเคารพบุคคลคือครูด้วยเครื่องสักการะ มีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น มีการกล่าวคำไหว้ครูเป็นภาษาบาลี เช่น ปาเจรา จริยา โหนฺติ ฯลฯ เป็นต้น ตามนัยที่ 2 นี้มุสลิมไม่สามารถเข้าร่วมพิธีไหว้ครูในแบบนี้ได้ และจำต้องหลีกเลี่ยงเพราะเป็นพิธีกรรมมีคติความเชื่อและรูปแบบทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง หากเลี่ยงไม่ได้ก็ร่วมได้เฉพาะในส่วนที่อนุโลมให้เท่านั้น ซึ่งคงทำได้เพียงนั่งเฉยๆ ส่วนการปรับรูปแบบเป็นเพียงการมอบดอกไม้และคุกเข่าต่อหน้าครูนั้นก็ถือว่ากระทำได้ แต่ยังเป็นสิ่งที่ไม่ควร (มักรูฮฺ) ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องควรปรับให้เป็นตามรูปแบบข้อแรกน่าจะเหมาะสมกว่า
ข้อ 2. งานสังสรรค์วันปีใหม่มิใช่เรื่องศาสนาและมิใช่เรื่องของพิธีกรรม แต่เป็นประเพณีนิยมที่เป็นสากลทางโลกซึงมีที่มาจากชาวคัมภีร์ ดังนั้นการไม่เข้าร่วมได้เป็นดีที่สุดเนื่องจากไม่ใช่วันสำคัญสำหรับมุสลิม!
والله أعلم بالصواب