คบกับคนที่มีภรรยาแล้ว หรือ มีภรรยาแล้วแต่ไปคบหญิงอื่น ไม่ใช่\"ชู้\"หรอคะ  (อ่าน 6332 ครั้ง)

มุสลิมใหม่

  • บุคคลทั่วไป
อัสสลามูอะลัยกุมค่ะอาจารย์อาลี
หนูมีเรื่องสงสัย หนูรับอิสลามได้3ปีแล้ว ตอนนี้หนูแต่งงานได้เกือบปีแล้ว ตั้งแต่รับอิสลามหนูก็ปฏิเสธการมีแฟนมาโดยตลอด เพราะหนูเรียนรู้ว่า มีแฟนคือการทำซินา และเป็นเรื่องที่บาป สามีของหนูเราก็ไม่เคยคบกันเป็นแฟนมาทำความรู้จักกันหลังนิกะห์แล้ว
แต่ หนูเห็นผู้ใหญ่มุสลิมเดี๋ยวนี้(หนูอายุ20ต้นๆ) เปิดเผยเรื่องการ คบกันกับสามีของมุสลิมะห์คนอื่น หรือ มุสลิมีนที่มีภรรยาอยู่แล้วกล้ายอมรับว่าคบกับหญิงอื่นโดยภรรยาไม่รู้เรื่อง การกระทำอย่างนั้นไม่ใช่ \"ซินา\" หรือคะ เฉพาะวัยรุ่นหนุ่มสาวเท่านั้นหรือคะที่มีความผิดฐาน \"ซินา\" มันไม่ใช่การกระทำของ \"ชู้\"หรอคะ
ในฐานะที่หนูเป็นมุสลิมะห์และเป็นภรรยา หนูยินดีที่จะให้พี่น้องมุสลิะห์ที่ต้องการคนดูแลเป็นภรรยาคนหนึ่งของสามีหนูเช่นกัน แต่ไม่ใช่แอบคบกันโดยที่หนูไม่รู้ ไม่ใช่โทรหา หรือไปไหนมาไหนกัน โดยยังไม่ได้นิกะห์
นบี(ซ.ล.) ท่านไม่เคยต้องขออนุญาตภรรยาคนไหนในการแต่งภรรยาใหม่ แต่ท่านก็ไม่เคยคบหาหญิงใดในขณะที่ยังไม่นิกะห์ ใช่มั้ยคะ
แล้วทำไมผู้ใหญ่มุสลิมหลายๆท่านถึงยังสนับสนุนการมี\"ชู้\"ในสังคมอิสลามอยู่อีก ความผิดแบบนี้ถูกโลกโทษโดยการขว้างก้อนหินให้ตายใช่หรือไม่คะ แล้วทำไมยังกล้าทำกันอยู่อีก
หนูอึดอัดและไม่เข้าใจกับการกระทำของมุสลิมเราจริงๆ

อาลี เสือสมิง

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2179
وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته

แสดงว่าการเข้ารับอิสลามของหนูเป็นความศรัทธาในอิสลามโดยปัจจัยเหตุ มิใช่เข้ารับอิสลามเพราะการแต่งงานกับคนมุสลิม และหนูก็คงได้เรียนรู้หลักการของศาสนาอยู่พอสมควร จึงได้มีความรักและหวงแหนในหลักคำสอนของศาสนา และเกิดความอึดอัดใจต่อการกระทำของคนที่ชื่อว่า “มุสลิม” ขอให้หนูจงสบายใจเถิด เพราะหนูโชคดีและมีวาสนาที่ได้พบกับหลักคำสอนของศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง ก่อนที่จะได้พบและประสบกับพฤติกรรมของคนมุสลิม อิสลามคือหลักคำสอนที่ชัดเจนเที่ยงตรงและเป็นสัจธรรมที่ไม่สับสน นั่นคือสิ่งที่หนูต้องยึดมั่นเป็นสรณะตราบจนวันตาย


ส่วนมุสลิมคือปุถุชนเป็นมนุษย์ที่มีผิดพลาด สับสน ไม่มั่นคง พฤติกรรมของมุสลิมจึงไม่ใช่สัจธรรมที่จะถือเป็นมาตรฐานชี้ขาดในทุกๆ เรื่อง อิสลามกับมุสลิมเป็นคนละเรื่องเดียวกัน กล่าวคือจะว่าเป็นสิ่งเดียวกันก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิงก็ไม่ใช่ อิสลามคือมาตรฐานที่ใช้ตัดสินพฤติกรรมของคนมุสลิมทั้งกาย วาจา และใจว่าถูกหรือผิด ตรงหรือคด ใช่หรือไม่ใช่  พฤติกรรมของคนมุสลิมจึงไม่ใช่มาตรฐานชี้วัดหลักคำสอนของศาสนาอิสลามว่าถูกหรือผิด ตรงหรือคด ใช่หรือไม่ใช่


อีกประการหนึ่ง ความเชื่อและพฤติกรรมของคนกลุ่มหนึ่งที่แสดงออกมาและทำให้เราข้องใจและอึดอัดนั่นก็มิใช่สิ่งที่ชี้ชัดว่าคนกลุ่มอื่นหรือคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นมุสลิมจะต้องมีความเชื่อและมีพฤติกรรมเช่นนั้นไปด้วยหรือเห็นดีด้วย อย่างน้อยก็มีหนูคนนึงแหล่ะที่เป็นมุสลิมะฮฺที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผิดเพี้ยนต่อหลักคำสอนของอิสลามซึ่งเกิดขึ้นโดยความเชื่อและพฤติกรรมของคนที่เป็นมุสลิมเหล่านั้น


สิ่งที่ยืนยันได้ก็คือว่าหากนั่นเป็น “สังคมอิสลาม” จริงที่ดำเนินตามหลักคำสอนของอิสลาม เรื่องอย่างที่เล่ามาก็คงไม่มีให้ได้รับรู้และข้องใจ แต่ที่มีและรับรู้ได้ถึงเรื่องเหล่านั้น ก็เพราะนั่นมิใช่สังคมอิสลามจริงๆ แต่เป็นสังคมของคนมุสลิมที่ไม่นำพาหลักคำสอนของอิสลาม การที่หนูไม่ยินดีต่อสภาพที่เกิดขึ้นนั่นเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง เพราะแสดงว่าหนูศรัทธาและให้ความสำคัญต่อหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม จึงขอให้หนูทำใจให้สบายและอย่าได้อึดอัดใจไปเลย เพราะหนูศรัทธาต่อหลักคำสอนและศาสนาอิสลามต่างหากเล่า หนูมิได้ศรัทธาต่อคนที่ชื่อว่าเป็นมุสลิมเสียหน่อย


เพราะคนก็คือคนอยู่นั่นแล มีทั้งดีชั่ว เมื่อเรามิได้เอาคนมาเป็นหลักและเป้าหมายในการศรัทธา แต่เราเอาหลักคำสอนของศาสนามาตั้งเป็นหลักชัยของชีวิตต่างหาก เข้าใจตรงนี้แล้วจะหายอึดอัดคับข้องใจ จงศรัทธาต่อหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม แต่อย่าศรัทธาในพฤติกรรมของคนที่มีชื่อว่า “มุสลิม” !

والله ولي التوفيق