มูลเหตุของผลบุญจากการฆ่าจิ้งจก  (อ่าน 9164 ครั้ง)

กุลชาติ ตันละมัย(ซุ้ลกิฟลี)

  • บุคคลทั่วไป
มูลเหตุของผลบุญจากการฆ่าจิ้งจก
« เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2012, 09:04:56 pm »
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/07/Y9473294/Y9473294.html
อยากทราบว่าท่านอ.อาลี มีความคิดเห็นอย่างไร
กับการโต้เถียงปัญหาดังกล่าว
*แล้วในหลักการของอัลอิสลามว่าไว้อย่างไรบ้าง
ญาซากั้ลฮุคอยรอน

ซุ้ลกิฟลี

  • บุคคลทั่วไป
เกี่ยวกับจ้ิงจก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2012, 07:10:11 pm »
topicstock.pantip.com/religious/topicsto...473294/Y9473294.html
 salam
อยากทราบว่าท่านอ.อาลี มีความคิดเห็นอย่างไร
กับการโต้เถียงปัญหาดังกล่าว
*แล้วในหลักการของอัลอิสลามว่าไว้อย่างไรบ้าง
ญาซากั้ลฮุคอยรอน

อาลี เสือสมิง

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2179
ตอบ : มูลเหตุของผลบุญจากการฆ่าจิ้งจก
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2012, 09:52:37 am »
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد

ผมได้อ่านประเด็นที่โต้เถียงกันในเรื่องการฆ่าจิ้งจกแล้วจากเวบไซด์ที่บอกมา จะเห็นได้ว่าผู้ที่กล่าวโจมตีอัล-หะดีษที่มีรายงานจากท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ซึ่งอิมามมุสลิมบันทึกไว้ในเศาะฮิหฺของท่าน ใช้สติปัญญา ทัศนคติ และความรู้สึกของตนเองเป็นตัวตัดสินความถูกผิดในเรื่องนี้


เหตุผลที่ผู้กล่าวโจมตีอัล-หะดีษนำมาอ้างสนับสนุนความเห็นและมุมมองของตนก็คือเรื่องผลบุญจากการตีจิ้งจกไม่มีปรากฏในคัมภีร์อัล-กุรอาน แล้วก็สรุปว่าไม่มีในอิสลาม ผู้กล่าวหาหลงลืมไปว่า อิสลามคือการยอมจำนน เชื่อฟัง และน้อมนำปฏิบัติตาม ศรัทธาในอิสลามเป็นสิ่งที่ตั้งอยู่บนหลักของความเชื่อที่มั่นคงต่อสัจธรรมและความจริง เชื่อว่าอัล-กุรอานคือความจริง เชื่อว่าสิ่งที่ท่านศาสนทูต (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) สั่งสอนเป็นความจริง และเมื่อความจริงมาความเท็จย่อมมลายสูญ แท้จริงความเท็จเป็นสิ่งที่วิปลาสนาการในไม่ช้าก็เร็ว


คนที่ขาดศรัทธาย่อมเอาปัญญาของตนมาตัดสินความถูกผิดก่อนเสมอ แต่ผู้ศรัทธายอมรับต่อสิ่งที่ตนศรัทธาเป็นเบื้องแรก และเมื่อศรัทธาแล้ว พลังแห่งศรัทธาก็จะส่งผลต่อการใช้ปัญญาให้ขับเคลื่อนไป หากผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ปัญญาสอดคล้องกับความศรัทธา ผู้ศรัทธาก็ย่อมดื่มด่ำกับรสชาดความหวานของศรัทธาที่ตนมี และระดับของศรัทธาก็พุ่งสูงขึ้นไปอีก เมื่อระดับของศรัทธาเพิ่มขึ้น ความเสถียรของภาวะจิตใจของผู้ศรัทธาก็ย่อมมีมากเป็นเงาตามตัว


และผู้ศรัทธาก็ยอมรับโดยดุษฎีว่าหลักคำสอนของศาสนาที่ตนศรัทธานั้นมิได้ขัดแย้งกับหลักของปัญญาและความมีเหตุมีผลที่ผสมผสานอยู่ในความศรัทธาต่อหลักคำสอนนั้น ในทางตรงกันข้าม หากเมื่อศรัทธาเป็นเบื้องปฐมแล้ว แต่ผลลัพธ์ของการใช้ปัญญากลับยังไม่สำแดงผลลัพธ์ที่แท้จริงของมันออกมา หรือมีผลลัพธ์ตรงกันข้ามในช่วงเวลานั้น ผู้ศรัทธาก็ยังคงตั้งมั่นอยู่บนศรัทธาของตนที่มีต่อหลักคำสอนของศาสนาว่าเป็นความจริงและถูกต้องอยู่เช่นนั้น


และผู้ศรัทธาก็จะไม่หยุดอยู่กับผลลัพธ์ที่เกิดจากการใช้ปัญญาของตนในครั้งแรก แต่จะใช้ปัญญานั้นสืบค้นถึงความจริงแท้แห่งหลักคำสอนทางศาสนาที่ตนศรัทธาต่อไปด้วยพลังแห่งศรัทธานั้น ศรัทธาจึงเป็นพลังที่ขับเคลื่อนการใช้ปัญญาอย่างแท้จริง


และเมื่อปัญญาถูกใช้จนถึงจุดหนึ่ง ปัญญาก็จะได้รับคำตอบอยู่ 2 อย่าง (1) พบความจริงแท้ของศรัทธาที่มีต่อหลักคำสอนของศาสนาว่าถูกต้องแล้ว ดีแล้ว (2) ยังไม่พบความจริงที่ปัญญานั้นทุ่มเทในการสืบค้น


จุดนี้เป็นทาง 2 แพร่ง สำหรับผู้ศรัทธาจะเลือกเดินในเส้นทางของการยอมรับและเชื่อในหลักคำสอนของศาสนาว่าศาสนาเป็นเรื่องของวิถีแห่งศรัทธาต่อสิ่งที่อยู่เหนือญาณวิสัยของปัญญาที่จะไปถึง


การที่ปัญญาไปไม่ถึงนั่นเป็นเพราะปัญญามีขีดจำกัด มิใช่ว่าศรัทธานั้นขัดกับปัญญาหรือเหตุผล ศรัทธาคือความเชื่อในสิ่งที่ไร้ขีดจำกัด ศรัทธาจึงเป็นเรื่องของศาสนา หรืออาจกล่าวได้ว่า ศาสนาเป็นเรื่องของศรัทธา ในขณะที่ปัญญาเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ที่มีขีดจำกัด เหตุนั้นวิทยาศาสตร์จึงมิใช่ศาสนา และศาสนาก็ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ และในเส้นทางนี้ซึ่งผู้มีศรัทธาเลือกเดินนี่คือวิถีแห่งอิสลาม


แต่ในเส้นทางที่สอง สำหรับผู้ขาดศรัทธาต่อหลักคำสอนของศาสนาและใช้ปัญญาของตนเป็นตัวตัดสิน ถือปัญญาเป็นใหญ่เขาย่อมเลือกเส้นทางที่สองนี้ และเขาก็จะพบว่ามันเป็นเส้นทางที่ต้องสุ่มเสี่ยงและต้องพบกับอุปสรรคอันมากมายตลอดเส้นทางที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง ต้องถกเถียงและหักล้างกับผลลัพธ์ทางปัญญาของผู้อื่นซึ่งมีมากโขเพียงเพื่อรักษาผลลัพธ์ทางปัญญาของตน เพราะเขาเข้าใจว่าปัญญาเป็นสิ่งไร้ขีดจำกัด และเป็นมาตรฐานในการตัดสินความถูกผิด


ความสำคัญตนผิด ก็นำพาให้เขาใช้ปัญญาของตนพิพากษาและตัดสินความศรัทธาต่อหลักคำสอนของศาสนาว่าผิดไปโดยปริยาย แทนที่จะยอมรับว่าปัญญาของตนมีขีดจำกัดและไปไม่ถึงความจริงแท้แห่งหลักคำสอนของศาสนา ก็กลับใช้ปัญญาของตนชำระความและสำเร็จโทษต่อหลักคำสอนทางศาสนาด้วยความย่ามใจ


ท้ายที่สุดแล้ว ปัญญาที่ไร้ศรัทธาเป็นเบื้องปฐมก็ต้องจนปัญญาและพ่ายแพ้ต่อปัญญาของผู้อื่น ชัยชนะจึงตกเป็นของความศรัทธาที่มีต่อหลักคำสอนของศาสนาในตอนจบของเรื่องโดยไม่ต้องออกแรงแม้แต่น้อย เพียงแต่ตั้งมั่นและอดทนต่อการเหิมเกริมและความยะโสของผู้ไร้ศรัทธาที่ถือปัญญาของตนเป็นใหญ่เท่านั้น


และผลลัพธ์ทางปัญญาของผู้อื่นที่เอาชนะการใช้ปัญญาของผู้ขาดศรัทธา และหักล้างข้อกล่าวหาของผู้ขาดศรัทธาจนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ก็คือความจริงที่มาสนับสนุนความศรัทธาที่มีต่อหลักคำสอนทางศาสนาว่า ศรัทธาไม่ได้ขัดกับปัญญาเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังชี้ชัดให้เห็นถึงความมีขีดจำกัดและความบกพร่องทางปัญญาของผู้ขาดศรัทธาอีกด้วย


ความคิดเห็นที่ 17 ในกระดานเสวนาก็คือความจริงที่มาสนับสนุนความศรัทธาต่อหลักคำสอนว่าเป็นสิ่งที่สอดคล้องและไม่ได้ขัดกับผลลัพธ์ทางปัญญาที่สำแดงออกมาอย่างชัดเจนภายหลักการกล่าวหา การโจมตี และการวิพากษ์วิจารณ์อัล-หะดีษอย่างเสียหายและหมิ่นเหม่ต่อสถานภาพของความเป็นมุสลิม ตลอดจนการร่วมวงไพบูลย์ของกลุ่มผู้เป็นเจ้าของความคิดในลำดับต้นๆของกระทู้


ครั้นเมื่อความจริงที่คุณตาสว่าง (laliklalee) นำเสนอผลงานการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของจิ้งจกมาถึงความเท็จและข้อกล่าวหาที่อาศัยปัญญาของตนเป็นใหญ่ก็มลายสูญจากความย่ามใจและลำพองของผู้เปิดประเด็นและผู้ร่วมวงไพบูลย์ที่ไม่ต่างอะไรกับจรเข้ตัวเขื่องในหนองน้ำก็กลับกลายเป็นเพียงจิ้งจกตัวเล็กๆ เท่านั้น จิ้งจกที่นึกว่าตนเป็นจรเข้ใหญ่และหาญกล้าต่อตีกับความศรัทธาต่อหลักคำสอนของอัล-หะดีษ ก็ถูกฆาตกรรมหมู่ไปเรียบร้อย ที่สำคัญจิ้งจกฝูงนั้นถูกตีด้วยความจริงซึ่งมีน้ำหนักเกินพอสำหรับการตายหมู่ที่ถูกตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!

والله ولي التوفيق