อิสลาม ศาสนาที่โบยบิน

บทสรุปก็คือ สิ่งที่เรียกร้องสู่อิสลามที่เป็นประการสำคัญสุด ก็คืออิสลามนั่นเอง ทั้งนี้เพราะหลักความเชื่อและหลักปฏิบัติของอิสลามที่เต็มไปด้วยความประเสริฐนั้นคือสิ่งที่ทำให้ผู้คนมีความกระตือรือร้นเป็นอันมากในการเข้ารับอิสลาม ในภายหลังอิสลามก็ได้มอบทุกสิ่งแก่ผู้เข้ารับนับถือโดยไม่บกพร่อง ผู้เป็นมนุษย์ปถุชนก็สามารถแสวงหาสื่อสัมพันธ์โดยตรงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ.) และพบหนทางที่มุ่งสู่พระองค์ด้วยการยืนอยู่เบื้องหน้าพระองค์ถึง 5 ครั้งในหนึ่งวัน

มนุษย์สามารถเรียกร้องวิงวอนขอต่อพระองค์โดยไม่มีสิ่งขวางกั้นและมีความหวังในชีวิตที่ผาสุกและสมบูรณ์กว่าสำหรับการดำเนินชีวิตแห่งโลกนี้ หลังจากนั้นก็คือชีวิตอันเป็นนิรันดร์ในโลกหน้า บุคคลที่จะเข้ารับอิสลามนั้นไม่มีภาระอันใดนอกจากการเปล่งวาจาสัตย์ปฏิญาณด้วย 2 ประโยคและการปฏิบัติตามหลักการแห่งอิสลามซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความดีงาม, ภราดรภาพและความยุติธรรม

ในขณะที่นักการศาสนาในลัทธิศาสนาอื่นนั้นจะกำหนดให้มีการจ่ายทรัพย์สินแก่พวกตนจากศาสนิกชนในทุกวาระโอกาส เมื่อศาสนิกชนแต่งงานก็จำต้องจ่ายทรัพย์สิน เมื่อมีลูกสืบสกุลก็ต้องจ่ายทรัพย์สิน ครั้นเมื่อลูกของตนรับพิธีศีลจุ่มก็จำต้องจ่ายทรัพย์สินอีก เมื่อเติบใหญ่ก็จำต้องจ่ายอีกเพื่อเป็นการรับรองสถานภาพในหมู่ชนชาวคริสต์ ยิ่งไปกว่านั้นก็จะต้องเสียเงินเสียทองอีกครั้งเมื่อได้สิ้นชีวิตลงเพื่อให้บาทหลวงทำพิธีสวดศพไว้

นอกจากนี้ทั้งชีวิตของศาสนิกชนผู้นั้นก็จำต้องปฏิบัติตามพระหรือบาทหลวงในทุกกรณีที่มีการติดต่อกับพระผู้เป็นเจ้า เมื่อเขาต้องการทำพิธี บาทหลวงก็จะเป็นผู้กระทำให้โดยมีหน้าที่เพียงยืนฟังและกล่าวคำว่า อาเมน เท่านั้น แต่ทว่าในส่วนของมุสลิมนั้นพวกเขาคือศาสนิกชนกลุ่มเดียวเท่านั้นที่จะกระทำสิ่งเหล่านี้อันเป็นพิธีกรรมในศาสนาด้วยตัวของพวกเขาเอง แม้กระทั่งในการนมัสการรวมกัน แต่ในศาสนาอื่นนอกจากอิสลามนั้น บาทหลวงหรือพระกับคณะของตนเป็นผู้ทำหน้าที่แทนผู้คนในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

จริงๆ แล้วลักษณะที่ถูกต้องที่สุดที่จะใช้เรียกขานอิสลาม ณ จุดนี้ ก็คือ อิสลามนั้นเป็นศาสนาที่โบยบินโดยเคลื่อนย้ายจากบุคคลหนึ่งสู่อีกบุคคลหนึ่ง จากประชาชาติหนึ่งสู่อีกประชาชาติหนึ่งอันเป็นการเคลื่อนย้ายที่สะดวกและง่ายดาย ประหนึ่งว่าอิสลามนั้นมีปีกอันสุดแสนวิเศษที่นำพาอิสลามให้ล่องลอยไปตามสายลม ทั้งนี้ถ้าหากผู้ใดได้มองดูแผนที่โลกและสังเกตถึงขอบเขตแห่งการแพร่หลายของอิสลาม ผู้นั้นก็จะเกิดความประหลาดใจถึงความกว้างไกลของขอบเขตนั้น และจะยิ่งมีความแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อพบความกระจ่างว่าพื้นที่ 1 ในสามของการเผยแผ่อิสลามเท่านั้นคือพื้นที่ซึ่งที่อาณาจักรอิสลามทั้งหลายและกองทัพมุสลิมได้ทำการพิชิต

ส่วนพื้นที่ในส่วนที่เหลือนั้น อิสลามได้ย่างกรายเข้าสู่ดินแดนเหล่านั้นและสถิตอยู่เต็มหัวใจของผู้คนโดยไม่มีการใช้กองกำลังทหารหรือการเมืองที่มีนโยบายเช่นนั้น อันที่จริง อิสลามเองเท่านั้นที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบันดาลให้มีความนุ่มนวลและโน้มน้าวจิตใจของผู้คน คำเรียกร้องแห่งสัจธรรมได้สัมผัสกับโสตการรับฟังของผู้คนจนกระทั่งการศรัทธาได้เข้าถึงจิตใจของแต่ละคนในที่สุด เมื่ออิสลามสถิตมั่นในหัวใจแล้วก็ย่อมไม่มีหนทางใดๆ อีกที่จะออกนอกการศรัทธาอันมั่นคงนั้น

อิสลามก็คือความอิ่มเอมที่หัวใจทั้งหลายเพรียกหาและดื่มด่ำ อิสลามคือความหวังซึ่งได้บรรเทาย่างก้าวในการดำเนินชีวิตในโลกนี้แก่มวลมนุษย์ให้เป็นไปด้วยความราบรื่น และทำให้ความตายเป็นเรื่องเล็กสำหรับมนุษย์ ทั้งนี้เพราะความตายไม่ใช่บั้นปลายสุดท้ายของมนุษย์ในการดำเนินชีวิต แต่ทว่าความตายคือเส้นทางที่นำไปสู่การมีชีวิตใหม่เท่านั้น หลังจากชีวิตในโลกนี้คือชีวิตที่เป็นนิรันดร์และผาสุกยิ่งสำหรับผู้ที่ศรัทธามั่นอย่างจริงใจและยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ.)

และดูเหมือนว่า สาเหตุใหญ่ที่อิสลามมีความนิ่มนวลในการเข้าถึงจิตใจของผู้คนก็คือ ความกระจ่างชัดและความสัตย์จริง ทั้งนี้เมื่อท่านมีศรัทธาต่ออิสลามท่านก็จะไม่เชื่อในเรื่องราวทั้งหลายที่สติปัญญาไม่ยอมรับเหมือนอย่างที่ท่านเห็นในศาสนาอื่นๆ แม้กระทั่งความเร้นลับซึ่งท่านศรัทธาในอิสลามว่าเป็นสัจธรรมเองก็ตาม ทั้งๆ ที่มนุษย์ไม่เคยประจักษ์เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยสายตาแต่มนุษย์ก็สามารถรับรู้ถึงพระองค์ได้ในจิตใจของเขาเองและในทุกสรรพสิ่งที่แวดล้อมมนุษย์ด้วยการรับรู้อย่างถ่องแท้

สัจธรรมอันยิ่งใหญ่ในมหาจักรวาลนี้ก็คือ พระผู้ทรงสร้างมหาจักรวาลนั้น และนั่นคือสัจธรรมล้วนๆ ท่านมิได้ศรัทธาต่อพระองค์เพียงเพราะว่าผู้เรียกร้องท่านสู่พระองค์นั้นได้หันมุมมองของท่านไปสู่ความพิสดารในการสรรค์สร้างและยังทุกสิ่งที่เป็นปาฏิหารย์อันพ้นวิสัยที่มนุษย์จะกระทำได้ และท่านก็จะประจักษ์ถึงปาฏิหารย์นั้นในตัวของท่านเองซึ่งท่านมีชีวิตและเคลื่อนไหวพร้อมทั้งมีความเข้าใจในเรือนร่างนั้นโดยที่มิทราบว่าเป็นไปได้อย่างไร

แต่ถ้าหากว่าท่านขาดศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าแล้วไซร้ ท่านจะหาเหตุผลอันใดมาอธิบายชีวิตและการเคลื่อนไหวของร่างกายและการเต้นของหัวใจของท่านเองได้เช่นไรกัน เมื่อว่าท่านได้ศรัทธาในพระองค์แล้วสิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ก็คือการศรัทธายอมรับต่อศาสนทูตของพระองค์ซึ่งท่านศาสนทูตคือผู้นำสาส์นของพระผู้เป็นเจ้ามายังท่าน ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าก็คือสัจธรรม และศาสนทูตของพระองค์ก็สัจจริง ทุกสิ่งที่อัลกุรอานได้สัญญาไว้แก่ท่านนั้นคือสัจธรรม

และท่านก็ไม่ต้องการให้ผู้ใดมาแจกแจงถึงแก่นแท้แห่งความเป็นอิสลามในตัวท่าน สิ่งอันเป็นที่สุดที่ท่านต้องการก็คือผู้ที่มาตักเตือนท่านให้เกิดความระลึก ฉุกคิดถึงแก่นแท้อันนั้นและนี่ก็คือนัยยะหนึ่งจากความหมายของการที่องค์พระผู้เป็นเจ้า (ซ.บ.) ได้ทรงขนานนามอัลกุรอ่านว่า การรำลึกและอนุสติเตือนใจที่กอรปด้วยวิทยปัญญา