การปราบปรามการกบฏลุกฮือทั้ง 25 ครั้ง ของอับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิล (ซอกฺร์กุรอยช์)

สถานการณ์ในแคว้นอัลอันดะลุสได้มีการเปลี่ยนแปลงในปีฮ.ศ.141/คศ.758 บรรดาผู้นิยมในวงศ์อัลอุม่าวียะฮฺที่แตกกระซ่านกระเซ็นได้มาถึงอัลอันดะลุส มีอับดุลมาลิก อิบนุ อุมัร อัลมัรวานีย์ และบุคคลสำคัญในวงศ์อัลอุม่าวียะฮฺ 10 คนร่วมเดินทางมาด้วย อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลจึงปลดอบู อัซซ่อบาฮฺ อัลยะฮฺซ่อบีย์ พันธมิตรเดิมออกจากตำแหน่งเจ้าเมืองอิชบีลียะฮฺ (Sevilla) และตั้งอับดุลมาลิก อัลมัรวานีย์ดำรงตำแหน่งแทนในช่วงที่อับดุลมาลิก อัลมัรวานีย์เป็นเจ้าเมืองอิชบีลียะฮฺนี่เอง การแสดงธรรม (คุตบะฮฺ) ในวันศุกร์ที่เคยขอดุอาอฺให้กับค่อลีฟะฮฺในราชวงศ์อับบาซียะฮฺก็ยุติลง หลังจากอับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลเป็นเจ้าครองแคว้นอัลอันดะลุสได้ราว 10 เดือน อย่างไรก็ตามอัดดาคิลก็มิได้กล่าวอ้างตำแหน่งค่อลีฟะฮฺให้กับตนเองแต่อย่างใด

ส่วนหนึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีฮ.ศ.ที่ 141 นั้นยูซุฟ อัลฟิฮฺรีย์ได้หลบหนีออกจากนครโคโดบาฮฺและเข้าสู่เมืองมาริดะฮฺเพื่อซ่องสุมกำลังพลราว 20,000 คน อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลจึงมุ่งหน้าสู่เมืองอิชบีลียะฮฺและร่วมมือกับอับดุลมาลิก อัลมัรวานีย์เพื่อปราบปรามกบฏ

อับดุลมาลิก อัลมัรวานีย์ได้ตั้งให้อุมัยยะฮฺ บุตรชายของตนเป็นแม่ทัพ แต่เมื่อกองทัพของอุมัยยะฮฺรุกเข้าใกล้เมืองมาริดะฮฺและทราบถึงจำนวนของกองทัพฝ่ายพวกกบฏ อุมัยยะฮฺก็หนีทัพกลับสู่เมืองอิชบีลียะฮฺ อับดุลมาลิกผู้เป็นบิดาได้รับความอับอายจากการกระทำของอุมัยยะฮฺจึงมีคำสั่งให้ประหารชีวิตบุตรชายของตนเสีย ต่อมาอับดุลมาลิกก็เป็นผู้นำทัพอัลอุม่าวียะฮฺด้วยตัวเอง อับดุรเราะฮฺมานก็เคลื่อนทัพมาสนับสนุน การรบพุ่งระหว่าง 2 ฝ่ายเกิดขึ้นที่เมืองมาริดะฮฺ มีการสูญเสียของทั้งสองฝ่ายถึง 30,000 คน

ชัยชนะตกเป็นของกองทัพอับดุลมาลิก ซึ่งตัวเขาเองก็เสียชีวิตในสมรภูมิโดยที่ยังกำดาบอย่างมั่นคง เมื่ออับดุรเราะฮฺมานเห็นศพของอับดุลมา ลิกก็ร่ำไห้และกล่าวถึงคุณงามความดีของเขา ภายหลังอับดุรเราะฮฺมานได้ให้ฮิชาม บุตรชายของตนสมรสกับลูกสาวของอับดุลมาลิก และสร้างความใกล้ชิดกับลูกๆ ของอับดุลมาลิกโดยแต่งตั้งให้บางคนดำรงตำแหน่งเสนาบดีเพื่อเป็นการตอบแทนความจงรักภักดีของอับดุลมาลิก

ฝ่ายยูซุฟ อัลฟิฮฺรีย์เมื่อหลบหนีจากความปราชัยในสมรภูมิมาริดะฮฺ ก็เริ่มคิดที่จะก่อการกบฏขึ้นอีกครั้ง ณ เมืองโทเลโดแต่ทว่าในระหว่างทางยูซุฟ อัลฟิฮฺรีย์ก็ถูกอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร อัลอันซอรีย์ลอบสังหารและมอบศีรษะของยูซุฟไปยังอัดดาคิล ต่อมาอัดดาคิลก็สั่งให้ประหารชีวิต อัสสุมัยฺล์ อิบนุ ฮาติมและกวาดล้างสมุนของอัสสุมัยฺล์และยูซุฟ ซึ่งทั้งหมดนั้นอัดดาคิลได้เคยปฏิบัติกับพวกเขาอย่างปราณีและใจกว้าง แต่คนเหล่านี้ไม่ยอมปล่อยให้อัดดาคิลอยู่อย่างเป็นสุข จึงได้รับจุดจบเช่นนั้น

ในปีฮ.ศ.146/คศ.763 อัลอะลาอฺ อิบนุ อัลมุฆีซฺ อัลยะฮฺซอบีย์ ผู้เรียกร้องให้สวามิภักดิ์ต่อวงศ์อับบาซียะฮฺได้ข้ามฝั่งจากแอฟริกาเหนือสู่แคว้นอัลอันดะลุส ค่อลีฟะฮฺ อบูญะอฺฟัร อัลมันซูรได้ส่งอัลอะลาอฺ เข้ามาเพื่อยึดครองอัลอันดะลุสและทำให้แคว้นนี้ขึ้นกับระบอบคิลาฟะฮฺแห่งอับบาซียะฮฺ อัลอะลาอฺได้ลงพำนักที่เมืองบาญะฮฺ (Beja) และประกาศเรียกร้องกับผู้คนว่า มวลมุสลิมจะต้องมีค่อลีฟะฮฺเพียงผู้เดียว และบัดนี้ตำแหน่งค่อลีฟะฮฺก็ตกอยู่ในกำมือของราชวงศ์อับบาซียะฮฺ

ดังนั้นพวกเขาจึงสมควรได้รับการปฏิบัติตามเชื่อฟังมากกว่าพวกอื่น บรรดาศัตรูของอับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลและบรรดาขุนนางที่เคยมีอำนาจในการปกครอง พวกเบอร์เบอร์และผู้ให้การสนับสนุนราชวงศ์อับบาซียะฮฺ จึงได้เข้าร่วมสมทบกับฝ่ายของอัลอะลาอฺ ซึ่งต่อมาได้นำทัพเข้าสู่เมืองชะซูนะฮฺ (Medina Sidonia) เจ้าเมืองและชาวเมืองก็ให้การต้อนรับทัพของอัลอะลาอฺ แล้วก็เคลื่อนทัพสู่เมืองอิชบีลียะฮฺ (ซีวิลล่า) นครเอกของแคว้น

อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลจึงได้ส่งกองทัพภายใต้การนำของบัดฺร์และสามารถตีเมืองชะซูนะฮฺกลับคืนได้ แต่อัลอะลาอฺและกองทัพของตนก็สามารถเข้ายึดครองเมืองอิชบีลียะฮฺ กองทัพของอัดดาคิลจึงล่าถอยไปยังเมืองกอรมูนะฮฺ (Carmona) และตั้งมั่นที่เมืองนี้

อับดุรเราะฮฺมานและกองทัพของตนถูกปิดล้อมอยู่ในเมืองนี้ราว 2 เดือน แต่ในที่สุดอับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลและทหารของตนก็ตัดสินใจเปิดประตูเมืองเพื่อเข้าโจมตีกองทัพที่ปิดล้อมของอัลอะลาอฺ โดยใช้กำลังพลเพียง 700 คน ทำให้ทัพของอัลอะลาอฺแตกพ่าย ทหารคนหนึ่งของอับดุรเราะฮฺมานสามารถไล่ติดตามอัลอะลาอฺและสังหารเขาได้

ตลอดจนผู้ให้การสนับสนุนพวกอับบาซียะฮฺก็ถูกสังหารถึง 7,000 คน อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลได้ตัดหัวอัลอะลาอฺและแนบสาส์นกับใบหูของอัลอะลาอฺส่งใส่กล่องไปยังอบูญะอฺฟัร อัลมันซูร ที่นครมักกะฮฺ ซึ่งอบูญะอฺฟัร อัลมันซูรได้เข้าร่วมประกอบพิธีฮัจญ์ในปีนั้น

ต่อมาในปีฮ.ศ.147/คศ.764 ฮิชาม อิบนุ อุซเราะฮฺ อัลฟิฮฺรีย์ได้ก่อการกบฏในเมืองโทเลโด อัดดาคิลจึงนำทัพเข้าโจมตีกำลังพลของฮิชามและปิดล้อมเมืองโทเลโดเอาไว้อย่างหนักหน่วง ฝ่ายฮิชามจึงร้องขอให้มีการประนีประนอม อัดดาคิลจึงยอมประนีประนอมโดยเอาบุตรชายของฮิชามเป็นตัวประกัน แต่เมื่ออัดดาคิลถอนกองทัพออกจากเมืองโทเลโด ฮิชามก็ทรยศ อัดดาคิลจึงสังหารบุตรชายของฮิชามและนำทัพย้อนกลับเข้าตีโทเลโดอีกครั้ง โดยบัดฺร์ ผู้รับใช้ของอัดดาคิลได้กำจัดฮิชามและกองกำลังของเขาและยึดครองเมืองโทเลโดได้สำเร็จ

และนับจากปีฮ.ศ.148/คศ.765 เป็นต้นมาการกบฏลุกฮือเพื่อต่อต้านการปกครองของอับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลเกิดขึ้นในหัวเมืองต่างๆ ของแคว้นอัลอันดะลุสอย่างต่อเนื่องจวบจนกระทั่งถึงปีฮ.ศ.170/คศ.787 การกบฏลุกฮือครั้งสำคัญๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว ได้แก่ การกบฏของสุลัยมาน อัลอะอฺรอบีย์ ในเมืองซะระกุสเฏาะฮฺ (ซาราโกซ่า) ซึ่งร่วมมือกับกษัตริย์ชาร์ลมาญแห่งฝรั่งเศส ในปีฮ.ศ.164/คศ.781 ซึ่งเคลื่อนทัพข้ามเทือกเขาพีเรนีสเพื่อเข้าปิดล้อมเมืองซะระกุสเฏาะฮฺ (ซาราโกซ่า) แต่ทว่าชาร์ลมาญจำต้องเลิกทัพและกลับสู่ฝรั่งเศสเพราะพวกแทรกซอนทางตอนเหนือของเยอรมันและฝรั่งเศสเกิดการกบฏลุกฮือ

ทำให้ในเวลาต่อมา ชาร์ลมาญก็ได้ทำสนธิสัญญาพักรบกับฝ่ายของอับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิล และการกบฏของอัลมุฆีเราะฮฺ อิบนุ อัลวะลีด อิบนุ มุอาวียะฮฺ อิบนิ ฮิชาม หลานชายของอับดุรเราะฮฺมานในนครโคโดบาฮฺ ในปีฮ.ศ.166/คศ.783 การกบฏลุกฮือที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 25 ครั้ง มีผลทำให้อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลเปลี่ยนแปลงลักษณะนิสัยของตนในภายหลัง

เขามิอาจไว้วางใจผู้ใดได้อีกไม่ว่าจะเป็นวงศ์ญาติของตนที่เคยชุบเลี้ยงและอุปถัมภ์ให้ได้ดิบได้ดีหรือแม้กระทั่งคนรับใช้ของเขาที่ชื่อบัดฺร์ ก็ถูกเนรเทศหลังจากที่บัดฺร์ ผู้นี้ได้ทุ่มเทและตรากตรำการศึกครั้งแล้วครั้งเล่าและนำชัยชนะมามอบแก่อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลก็ตาม จริงๆ แล้วสถานการณ์ที่อับดุรเราะฮฺมานต้องเผชิญนับจากปีฮ.ศ.140 จนถึงปีฮ.ศ.170 ซึ่งกินเวลาถึง 30 ปีในการปราบปรามการกบฏลุกฮือ การทรยศหักหลังของพันธมิตร การคิดไม่ซื่อของวงศาคณาญาติที่ใกล้ชิด ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลต้องเปลี่ยนไปในภายหลังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผลพวงจากสมัยการปกครองของอับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิล

* แคว้นอัลอันดะลุสแยกตนเป็นอิสระจากผืนแผ่นดินอิสลามส่วนอื่นและทำให้แคว้นอัลอันดะ  ลุสห่างไกลจากระบอบการปกครองแบบคิลาฟะฮฺ อิสลามียะฮฺ

* เกิดการกบฏลุกฮือมากกว่า 25 ครั้ง ทำให้อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลไม่มีเวลาพักผ่อนทางจิตใจ การปฏิบัติของอับดุรเราะฮฺมานกับผู้คนรอบข้างแม้กระทั่งญาติใกล้ชิดของเขาเปลี่ยนไป

* สูญเสียเขตแดนจากทางตอนใต้ของฝรั่งเศสและพวกแฟรงก์สามารถขจัดอำนาจของมุสลิมออกจากเขตแดนดังกล่าว และสูญเสียเขตแดนปลายสุดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เนื่องจากพวกวิสิโกธในลิอองก่อการกบฏ

* อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลได้สถาปนากองทัพประจำการราว 100,000 คน และมีกองทหารองครักษ์จำนวน 40,000 คน

* จัดตั้งกรมกอง (ดีวาน) และรวมศูนย์อำนาจขึ้นกับส่วนกลางในนครหลวงโคโดบาฮฺ และอับดุรเราะฮฺมานได้นำพันธุ์ไม้จำพวกอินทผลัมและทับทิมเข้ามาปลูกในดินแดนอัลอันดะลุส ตลอดจนสร้างกองทัพเรือเพื่อป้องกันเขตชายฝั่งอัลอันดะลุส

* สร้างกองทัพเมืองโคโดบาฮฺและสร้างมัสญิดญามิอฺแห่งนครโคโดบาฮฺในปีฮ.ศ.170 ซึ่งเดิมถูกสร้างขึ้นนับตั้งแต่ช่วงแรกของการพิชิตแคว้นอัลอันดะลุส ที่ตั้งเดิมของมัสญิดญามิอฺแห่งนครโคโดบาฮฺเป็นโบสถ์ในคริสต์ศาสนาที่ชื่อว่า ชันฺต์ บินเญนต์ (San Vicente) มุสลิมได้เอาพื้นที่ครึ่งหนึ่งของโบสถ์แห่งนี้เป็นมัสญิด ส่วนอีกครั้งหนึ่งยังคงสภาพเป็นโบสถ์ในคริสต์ศาสนา

เมื่อจำนวนประชากรมุสลิมในนครโคโดบาฮฺเพิ่มมากขึ้น มัสญิดจึงคับแคบ อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิล จึงได้ซื้อพื้นที่ของโบสถ์ที่เหลือจากชาวคริสต์ด้วยเงินจำนวน 100,000 ดีนาร และรื้ออาคารเก่าของมัสญิดออกแล้วสร้างมัสญิดญามิอฺขึ้นใหม่ซึ่งเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในปีฮ.ศ.170 (คศ.786)

อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลได้ทำให้นครโคโดบาฮฺมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอันมากจนกลายเป็นคู่แข่งกับนครแบกแดดของพวกอับบาซียะฮฺและเขายังได้สร้างปราสาทอัรร่อซอฟะฮฺตามอย่างปราสาทอัรร่อซอฟะฮฺของฮิชาม อิบนุ อับดุลมาลิกในแคว้นชามอีกด้วย

* อับดุรเราะฮฺมาน อัดดาคิลได้จัดระเบียบการปกครองของรัฐอัลอุม่าวียะฮฺด้วยการแบ่งแคว้นอัลอันดะลุส ออกเป็นเขตการปกครอง (อิดารียะฮฺ) และรักษาความสงบเรียบร้อยในแคว้นอัลอันดะลุส เขามักจะออกตรวจตราความเป็นอยู่ของพลเมืองอยู่เสมอ ครั้นต่อมาเมื่อเกรงว่าจะถูกลอบสังหาร อับดุรเราะฮฺมานก็ส่งคนออกไปดูแลและคอยรับเรื่องร้องทุกข์ของผู้คน เมื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์แล้วอับดุรเราะฮฺมานก็จะดำเนินการโดยมิรอช้า

เมื่ออับดุรเราะฮฺมานรับรู้ว่าตนใกล้จะจบชีวิต เขาก็เกิดความสับสนว่าจะแต่งตั้งผู้ใดให้เป็นผู้ปกครองแคว้นอัลอันดะลุสต่อจากตนลูกชายคนโตซึ่งเกิดจากภรรยาชาวซีเรีย คือ สุลัยมานเป็นเจ้าเมืองโทเลโด แต่สุลัยมานก็มีความเหมาะสมน้อยกว่า ฮิชาม บุตรชายอีกคนซึ่งเกิดจากภรรยาชาวสเปนที่เป็นมุสลิม และเป็นเจ้าเมืองมาริดะฮฺ ในที่สุดก่อนที่อับดุรเราะฮฺมานจะสิ้นชีวิต เขาก็มอบแหวนของตนให้กับบุตรชายที่ชื่ออับดุลลอฮฺ โดยกล่าวสั่งเสียว่า : “พี่น้อง 2 คนของเจ้าคนใดเข้าสู่เมืองโคโดบาฮฺก่อนเป็นคนแรกก็จงมอบแหวนให้กับผู้นั้น”

อับดุรเราะฮฺมานได้เสียชีวิตในปีฮ.ศ.172 เมื่อข่าวการเสียชีวิตของเขาถูกประกาศออกไป บุตรชายทั้ง 2 ของเขาก็เร่งรุดสู่นครโคโดบาฮฺโดยที่ทั้งสองคนไม่ทราบถึงคำสั่งเสียของผู้เป็นบิดา ปรากฏว่าฮิชาม เป็นบุคคลแรกที่เข้าสู่นครโคโดบาฮฺ อับดุลลอฮฺจึงมอบแหวนของบิดาให้แก่ฮิชามและแสดงความยินดีต่อฮิชามที่ได้รับตำแหน่งผู้ปกครองแคว้นอัลอันดะลุสต่อจากบิดา