วิถีแห่งอิสลาม

อิสลามมีวิถีทางในการเผยแผ่หลากหลาย และซึมซาบเข้าสู่บรรดาหัวใจของผู้คนด้วยวิธีการต่างๆ การพิชิตดินแดนก็ถือเป็นสื่ออย่างหนึ่งสำหรับอิสลามิกชนในการเปิดเส้นทางที่น้อมนำหัวใจของผู้คนเข้าสู่อิสลาม วิถีทางเข้าสู่การยอมรับต่ออิสลามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ได้แก่ การใช้ถ้อยคำชักจูงที่งดงาม ความมีเหตุมีผลอันกอรปด้วยหลักวิทยปัญญา และการตักเตือนที่ดีงามและนุ่มนวล ซึ่งมุสลิมผู้มีศรัทธามั่นได้นำพาสู่เหล่าบุคคลที่ไม่ศรัทธา

โดยมุสลิมจะสร้างความกระจ่างแก่ผู้ที่ไม่ศรัทธาให้รับทราบถึงความประเสริฐที่มีมากมายของศาสนาอิสลาม และบอกกล่าวถึงสิ่งที่ผู้ยอมรับจักได้รับจากความดีงาม, ความหวัง และความสงบทางจิตใจ ดังนั้นบุคคลผู้นั้นก็จะตอบรับและเข้าสู่อิสลามด้วยความสมัครใจ มีความหวังต่อพระเมตตาแห่งพระผู้เป็นเจ้าอันไพศาล ตลอดจนผลานิสงค์อันมากมาย

บางทีผู้ที่ทำหน้าที่เรียกร้องสู่อิสลามอาจจะมาจากเหล่านักการศาสนาและนักวิชาการที่ความศรัทธาของบุคคลเหล่านี้ได้ผลักดันพวกเขาสู่การทุ่มเทและพลีชีพในการเรียกร้อง บุคคลเหล่านี้อาจจะนำการเรียกร้องดังกล่าวสู่ดินแดนของผู้ปฏิเสธในฐานะนักเรียกร้องหรือนักวิชาการศาสนาและก่อกำเนิดกลุ่มคณะบุคคลที่ยึดอิสลามเป็นสรณะและเปลี่ยนแปลงกลุ่มบุคคลเพียงหยิบมือให้กลับกลายเป็นศูนย์กลางของการแผ่ขยายรัศมีแห่งการเรียกร้องให้กว้างไกลออกไปในที่สุด

หรือบางทีผู้เรียกร้องสู่อิสลามนั้นก็อาจจะเป็นผู้ศรัทธาธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ประกอบอาชีพการค้าขายหรืออาชีพหนึ่งอาชีพใดก็ได้ โดยมุ่งสู่ดินแดนของผู้ปฏิเสธเพื่อแสวงหาปัจจัยยังชีพ คราใดที่พวกเขาได้พบปะกับผู้ที่มิได้ศรัทธาพวกเขาก็จะเรียกร้องสู่การศรัทธาเฉกเช่นที่พวกเขามีความเชื่อมีความศรัทธา ซึ่งผลที่ตามมาก็คือการยอมรับของผู้คนที่ยังไม่มีศรัทธาเหล่านั้น และกลายเป็นมุสลิมไปในที่สุด

อย่างไรก็ตาม วิถีทางของการเรียกร้องที่มีผลกว้างไกลและสมบูรณ์แบบที่สุดในการบรรลุวัตถุประสงค์ก็คือ การเป็นแบบอย่างที่ดี นั่นหมายถึงการที่มุสลิมซึ่งเป็นชนต่างด้าวในท่ามกลางกลุ่มผู้ปฏิเสธใช้ชีวิตด้วยเคร่งครัดในศาสนา มีจรรยามารยาทอันงดงาม โดยไม่ถือเป็นข้อสำคัญเสมอไปว่ามุสลิมผู้นั้นจะต้องเป็นผู้รู้หรือเป็นพหูสูตในเรื่องของศาสนา

หากแต่การมีจรรยามารยาทอันงดงาม ปฏิบัติต่อผู้คนอย่างนุ่มนวล การรักษาความสะอาดตลอดจนการมีบุคลิกภาพที่น่าสนใจ รวมถึงการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมก็ย่อมเพียงพอในการสร้างความนิยมชมชอบของผู้คนในตัวผู้นั้นและศาสนาที่เขายึดถือปฏิบัติ ผู้คนมีความทึ่งในตัวผู้นั้นจนกระทั่งจิตใจของพวกเขาก็น้อมรับเอาสิ่งที่มุสลิมนั้นศรัทธาเพื่อจะได้มีลักษณะเช่นผู้นั้นในที่สุด

สิ่งนี้นับเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งในการแผ่ขยายคำสอนของอิสลามตลอดช่วงศตวรรษแรกแห่งการอพยพของท่านศาสดา (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ชาวอาหรับซึ่งมีถิ่นฐานพำนักอยู่ในดินแดนที่ถูกพิชิตเป็นกลุ่มชนที่มีจริยธรรมอันสูงส่งมีบุคลิกภาพที่งดงาม และมีความศรัทธาอย่างลึกซึ้งต่ออิสลาม

จริงอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีการกระทบกระทั่ง การพิพาทตลอดจนการสู้รบระหว่างชาวอาหรับด้วยกันเองตามหัวเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะในอิหร่าน, ดินแดนตะวันตกของอาหรับและเอ็นดาลูเซียในสเปนเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง  แต่ทว่ากรณีการพิพาทดังกล่าวก็จำกัดอยู่เฉพาะในส่วนของชาวอาหรับเท่านั้น หาได้เลยเถิดไปสู่ชนพื้นเมืองเดิมไม่

ตลอดจนมิได้หมายความถึงการลิดรอนยื้อแย่งที่ดินและทรัพย์สินของชาวอาหรับจากชนพื้นเมืองหรือแม้กระทั่งการปฏิบัติไม่ดีกับบุคคลเหล่านั้น อาทิเช่นในดินแดนอิหร่าน เป็นต้น ได้มีการพิพาทบาดหมางระหว่างชนเผ่าอาหรับกอยซ์กับเผ่าอัลกัลบีย์ (หรือชาวอาหรับจากแคว้นชามกับชาวอาหรับเยเมน) ชาวอาหรับเหล่านี้ก็ไม่ได้ดึงชาวพื้นเมืองเข้ามาสู่การพิพาทระหว่างพวกเขากันเอง และพวกเขาก็ไม่ได้สู้รบกันในดินแดนที่เป็นที่ดินถือครองของชนพื้นเมือง

อันที่จริงชาวอาหรับเพียงแต่ถือครองในที่ดินซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทรัพย์สินของบรรดาผู้มีอำนาจเดิมของเปอร์เซียเมื่อครั้งอาณาจักรแซสซานิดยังเคยมีอำนาจเท่านั้น ตลอดจนถือครองทรัพย์สินที่เป็นของวิหารแห่งอัคคีเดิมซึ่งเหล่านักบวชได้เคยถือครองอย่างไม่ชอบธรรมจากศาสนิกชนในศาสนาของพวกเขา