อัสบาบุนนุซูล | อายะฮฺที่ 119 สูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ


 
إِنَّا أَرْسَلْنَاكَ بِالْحَقِّ بَشِيرًا وَنَذِيرًا ۖ وَلَا تُسْأَلُ عَنْ أَصْحَابِ الْجَحِيمِ

ความหมาย “แท้จริงเราได้ส่งท่านมาพร้อมด้วยสัจธรรมในฐานะผู้ประกาศข่าวดี และในฐานะผู้ตักเตือน และท่านจะไม่ถูกถามถึงบรรดาชาวนรกภูมิ” (หมายถึงกลุ่มชนผู้ปฏิเสธซึ่งแข็งขืนและยืนกรานจนกระทั่งสิ้นชีวิตลงในสภาพที่ปฏิเสธศรัทธาและมีนรกภูมิเป็นที่พำนักในบั้นปลาย)

 

มูลเหตุแก่งการประทาน

อับดุรรอซซ๊าก กล่าวว่า : อัษ-เษารียฺได้เล่าให้เราทราบจากมูซา อิบนุ อุบัยดะฮฺ จากมุฮัมมัด อิบนุ กะอฺบ์ อัล-กุรฺซียฺ ว่า : ท่านรสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) กล่าวว่า : “อนิจจา บิดามารดาของฉันได้ถูกกระทำอะไร? (หมายถึงท่านทั้งสองจะมีสภาพอย่างไร?) แล้วอายะฮฺนี้ก็ประทานลงมา ท่านรสูลลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ก็มิได้กล่าวถึงบิดามารดาทั้งสองของท่านอีกเลย จนกระทั่งท่านได้สิ้นชีวิต” เป็นหะดีษมุรฺสัล

 

อิบนุ ญะรีรฺ อัฏ-เฏาะบะรียฺ ได้คัดสายรายงานจากอิบนุ ญุรอยจฺญ์ว่า : ดาวูด อิบนุ อบีอาศิมได้เล่าให้ฉันทราบว่า แท้จริงท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้เคยกล่าวขึ้นในวันหนึ่งว่า : บิดามารดาของฉันนั้นอยู่ที่ไหนหนอ? แล้วอายะฮฺนี้ก็ประทานลงมา เป็นหะดีษมุรฺสัลอีกเช่นกัน (ลุบาบุนนุกูล ; อัส-สุยูฏียฺ หน้า 25)

 

ดร.วะฮฺบะฮฺ อัซ-ซุหัยลียฺใช้สำนวนระบุถึงเรื่องนี้ว่า (قِيْلَ) “กล่าวกันว่า” อายะฮฺนี้ประทานลงมาในเรื่องของบิดามารดาของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) แต่อัล-หะดีษเป็นมุรฺสัลไม่ใช่หะดีษที่ษาบิต (แข็งแรงหรือถูกต้อง) และดร.วะฮฺบะฮฺ อัซ-ซุหัยลียฺก็ระบุถึงคำกล่าวของมุกอติลที่รายงานด้วยสายรายงานของเขาว่า “แท้จริงท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้กล่าวว่า “หากพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงประทานการลงทัณฑ์ของพระองค์ลงมายังพวกยะฮูดียฺแล้วละก็ พวกนั้นย่อมศรัทธาแน่นอน” พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) จึงทรงประทานอายะฮฺนี้ลงมา (อัต-ตัฟสีรฺ อัล-มุนีรฺ ; ดร.วะฮฺบะฮฺ อัซ-ซุหัยลียฺ เล่มที่ 1 หน้า 294)

 

อย่างไรก็ตาม อายะฮฺที่ 119 จากสูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺนี้ถูกประทานลงมาเพื่อปลอบประโลมใจแก่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) มิให้ท่านต้องเกิดความเศร้าหมองต่อพฤติกรรมของเหล่าผู้ปฏิเสธซึ่งท่านมุ่งมั่นในการเชิญชวนพวกนั้นสู่การศรัทธา โดยอายะฮฺนี้ได้ยืนยันและรับรองสถานภาพในการเป็นศาสนทูตของท่านซึ่งมีภาระกิจในการประกาศสาส์นอิสลามอันเป็นข่าวประเสริฐสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา และเตือนกลุ่มพวกปฏิเสธถึงผลร้ายของการแข็งขืนและดื้อแพ่งต่อสัจธรรม

 

ภาระกิจสำคัญของท่านจึงเป็นการเผยแผ่สาส์นและเชิญชวนสู่สัจธรรมเท่านั้น เมื่อประกาศสาส์นและเชิญชวนแล้ว ภาระกิจของท่านก็เป็นสิ่งที่ลุล่วงแล้ว และท่านก็ไม่ต้องรับผิดชอบถึงการยืนกรานของพวกปฏิเสธ เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเหล่านั้นย่อมต้องถูกพิพากษาและถูกลงทัณฑ์อันเป็นผลจากการปฏิเสธและไม่ยอมรับสัจธรรมที่มาถึง การตอบแทนกลุ่มชนผู้ปฏิเสธด้วยการลงทัณฑ์อันเจ็บแสบของนรกภูมิเป็นการกิจของพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ที่จะทรงรับผิดชอบด้วยความยุติธรรมของพระองค์เองโดยที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) จะไม่ถูกเอาผิดแต่อย่างใดในเรื่องนี้

 

อนึ่ง ในกรณีของบิดาและมารดาของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) นั้น นักวิชาการมีทัศนะที่หลากหลายเกี่ยวกับบั้นปลายของท่านทั้งสอง และถึงแม้ว่าจะมีการรายงานที่ระบุมาเกี่ยวกับสถานภาพของบุคคลทั้งสองในเรื่องนี้ แต่ก็ให้ระงับในการนำมากล่าวถึงในเชิงถกเถียงและอภิปรายเพราะไม่เกิดประโยชน์อันใด

 

มิหนำซ้ำการนำเรื่องของบุคคลทั้งสองมาถกเถียงกันยังเป็นผลข้างเคียงที่เป็นเชิงลบต่อสถานภาพของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) อีกด้วย การยุติอยู่กับตัวบทที่มีรายงานมาโดยไม่ต้องนำมาโต้เถียงและขัดแย้งกันจึงเป็นทัศนะที่นักวิชาการผู้สันทัดกรณีให้น้ำหนักไว้ กล่าวคือ ให้ละไว้เพียงแค่ที่มีตัวบทระบุโดยไม่ต้องนำมาต่อความยาวสาวความยืดจนเกิดประเด็นความขัดแย้งตามมา วัลลอฮุวะลียุตเตาฟีก