อ.อาลี เสือสมิง : ถามตอบปัญหา
สารบัญปัญหาคาใจ => หมวด : อะกีดะฮฺ และกลุ่มต่างๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: อาลี เสือสมิง ที่ กันยายน 25, 2010, 05:37:38 pm
-
salam อาจารย์
คือหนูได้รับเมลล์จากเพื่อนค่ะเนื่อความคือ
สำนักพิมพ์ที่จะทำให้คุณกลายเป็นชีอะฮฺ
หนังสือนิสา หนังสือสัญชาติไทย เชื้อสายชีอะฮฺ
2 March, 2009 - 10:34 — webmaster หนังสือนิตยสารที่จะสร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องให้กับสังคมมุสลิมเป็น อย่างมากเล่มหนึ่งก็คือ หนังสือที่ชื่อว่า \"นิสาวาไรตี้\" หนังสือสัญชาติไทย เชื้อสายชีอะฮฺ ที่มักนิยมที่จะนำเอาภาพของพี่น้องมุสลิมะฮฺ ออกมาอวดโฉมในหน้าปกหนังสือ ซึ่งขัดแย้งกับหลังการอันดีงามของอัลอิสลาม อย่างชัดเจน นอกจากนี้ด้านในยังประกอบไปด้วยเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับหลักการศาสนาอีกมาก มาย ไม่ว่าจะเป็นคำสอนของชีอะฮฺ และทบความอีกมากมายที่จะค่อยๆสร้างจุดดำ จุดเล็กๆ ในหัวใจของมุสลิม เพื่อวัตถุประสงค์หลักในการดึงอิสลามที่แท้จริงออกไปจากหัวใจของท่านในที่ สุด
จาก : http://www.right-shiah.net/?q=node/34
แถมอีกเว็บนึง มันจะทำให้คุณเป็นวาฮาบีย์
http://www.mureed.com
คือ เนื้อหามันยังมีอีกค่ะแต่ที่สงสัยคือ วาฮาบีย์ คืออะไรแล้วมันแล้วร้ายเหมือน ชีอะฮฺ เลยเหลอค่ะ หนูไม่เข้าใจค่ะเลยอยากขอความกระจ่างจากอาจารย์
ยาซากุมุลลอฮ ค่ะ
วัสลาม
ถามโดย - ฮานิฟา « เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2009, 02:01:51 pm »
-
وعليكم السلام ورحمة الله و بركاته
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛
ชีอะฮฺในบ้านเรามีอยู่หลายกลุ่มแต่กลุ่มที่มีความเคลื่อนไหวและกิจกรรมอย่าง ชัดเจนในการเผยแพร่ทัศนะความคิดของตนก็คือ กลุ่มที่เรียกว่า อิมามียะฮฺ อิซฺนา อะชะรียะฮฺ (อิหม่าม 12) หรืออีกชื่อหนึ่งก็คืออัลญะอฺฟะรียะฮฺ กลุ่มนี้สังกัดและได้รับการสนับสนุนจากสถานทูตอิหร่านประจำประเทศไทยโดยมี ศูนย์วัฒนธรรมอิหร่านเป็นองค์กรขับเคลื่อนในด้านการเขียน แปลและผลิตตำราในแนวชีอะฮฺ นิตยสาร “นิสาวาไรตี้” ก็มีบรรณาธิการที่เป็นคนในสังกัดชีอะฮฺกลุ่มนี้
นอกจากนี้ยังมีวารสารสาส์นอิสลาม หรือ นิตยสารเอกภาพ ตลอดจนสำนักพิมพ์ 14 พับลิเคชั่น เป็น หัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการผลิตหนังสือในแนวชีอะฮฺ ในเดือนร่อมาฎอนก็จะมีรายการของชีอะฮฺออกอากาศอีกด้วย แต่เดิมนับแต่สมัยโบราณชีอะฮฺมามียะฮฺจะไม่มีปัญหากับชาวซุนนีย์ในประเทศ ไทย ตราบเมื่อมีการปฏิวัติอิสลามโดยอายะตุลลอฮฺ โคมัยนี่ในอิหร่าน ท่าทีของชีอะฮฺก็เปลี่ยนไปสู่การเผยแพร่และเรียกร้องเป้าหมายซึ่งก็คือ ชาวซุนนีย์สู่แนวทางของชีอะฮฺ ปัญหาจึงเกิดขึ้นอย่างที่รับรู้กันอยู่
ซึ่งนักวิชาการและผู้รู้ในประเทศไทยยุคก่อนมิค่อยมีองค์ความรู้เกี่ยวกับชีอะฮฺ มากนักและยังมองไม่เห็นภัยคุกคามในด้านหลักความเชื่อที่ฝ่ายชีอะฮฺได้กระทำ ต่อพี่น้องซุนนีย์ แต่กลับไปมองว่าภัยคุกคามอยู่ที่กลุ่มวะฮาบีย์ที่เผยแพร่เข้ามาและเกิดการ ปะทะกันทางความคิดระหว่างกลุ่มคณะใหม่-คณะเก่าและนำไปสู่ความแตกแยกใน ระหว่างพี่น้องมุสลิมซุนนีย์ด้วยกัน
เมื่อกาลเวลาผ่านไป การปะทะกันทางความคิดของกลุ่มคณะทั้งสองก็ถึงจุดอิ่มตัวในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีแรงกระเพื่อมอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากและไม่รุนแรงเหมือนก่อน เพราะไป ๆ มา ๆ พลวัตรของกลุ่มวะฮาบีย์ก็ลดลงและไหลย้อนไปเล่นงานกลุ่มของตัวเองจนแตกเป็น ค่ายเป็นสถาบันต่าง ๆ อย่างที่รับรู้กัน แต่พลวัตรของกลุ่มชีอะฮฺอิมามียะฮฺยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องโดยแพร่ ขยายเข้าสู่วงการของนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและนักทำกิจกรรมที่นิยมชมชอบ ต่ออายะตุลลอฮฺโคมัยนี่และรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน
มุสลิมซุนนีย์หลายคนได้กลายเป็นชีอะฮฺและแข็งขันในการขับเคลื่อนแนวความคิดและความเชื่อ ของชีอะฮฺเป็นการเปิดเชิงรุกในอีกขั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตามกลุ่มที่รับรู้และตระหนักถึงภัยคุกคามต่อรั้วซุนนีย์แห่งสยาม กลุ่มแรกก็คือ นักวิชาการที่ถูกเรียกขานว่าเป็นพวกวะฮาบีย์นั่นเอง ในขณะที่นักวิชาการซุนนีย์แบบเดิม (คณะเก่า) ก็ยังไม่ใส่ใจต่อภัยคุกคามนี้ต่อไป จะมีบ้างก็ในช่วงหลัง ๆ มานี้ที่เริ่มตอบโต้และป้องปกรั้วซุนนีย์แห่งสยามนั้นแต่ก็ยังไม่เข้มข้นและ จริงจังเท่ากับกลุ่มนักวิชาการที่ถูกเรียกขานว่า วะฮาบีย์
ความจริงถ้ากลุ่มชีอะฮฺไม่ล้ำเส้นและเปิดเชิงรุกอย่างที่กระทำอยู่ในขณะนี้ มุสลิมซุนนีย์ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมโดยไม่มีความรู้อันใดเกี่ยวกับชีอะฮฺมาก นัก เรียกว่า ต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่บัดนี้มันเลยจุดนั้นหรือเรียกว่ามันล้ำเส้นไปแล้ว การปะทะจึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งดูเหมือนว่าฝ่ายซุนนีย์ในบ้านเราจะเป็นฝ่ายตั้งรับเสียมากกว่า และเผลอ ๆ จะเพลี่ยงพล้ำไปเสียด้วยซ้ำ
กลุ่มที่ถูกเรียกขานว่า วะฮาบีย์ โดยนักวิชาการแกนนำของกลุ่มคือผู้ที่รับมือกับภัยคุกคามดังกล่าวได้ดีที่สุด ในขณะนี้ อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นผู้จุดประกายและกระตุกให้ผู้คนที่ไม่ค่อยจะรับรู้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ตื่นตัว และเริ่มสนใจว่าอะไรเป็นอะไร นี่คือคุณูปการที่ต้องยอมรับกัน ส่วนอะไรจะเลวร้ายกว่ากันระหว่างกลุ่มทั้งสอง ผมคงตอบไม่ได้ เพราะผมมิใช่ตุลาการที่จะชำระคดีความว่า ใครเลว ใครชั่ว แต่สิ่งที่ผมรับรู้อยู่ทุกขณะจิตก็คือ ผมรักในแนวทางแห่งอะฮฺลิซซุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ และผมก็รับไม่ได้กับการล้ำเส้นของกลุ่มชีอะฮฺหรือกลุ่มใด ๆ ก็ตาม
เมื่อมีการล้ำเส้นก็ต้องมีการปัดป้องและรักษาพื้นที่ของ เราเอาไว้ตามสิทธิอันชอบธรรม บางทีคนที่เลวที่สุดอาจจะไม่ใช่ใครเลย นอกจากคนที่ปล่อยให้ผู้อื่นทำลายสิทธิของตนโดยไม่คิดจะปกป้องและรักษามัน ไว้ ทั้ง ๆ ที่สามารถกระทำได้ และอีกคนหนึ่งที่ร้ายไม่แพ้กันก็คือ คนที่ชอบล้ำเส้นและไม่รู้ตำแหน่งที่เหมาะควรของตนว่าควรอยู่ ณ ตรงจุดไหน สองคนนี่แหล่ะที่มักเป็นต้นสายปลายเหตุของความเลวร้ายในทุกกรณี
والله ولي التوفيق والهداية