อ.อาลี เสือสมิง : ถามตอบปัญหา

สารบัญปัญหาคาใจ => หมวด : เฏาะฮาเราะฮฺ => ข้อความที่เริ่มโดย: อยากรู้ ที่ ธันวาคม 18, 2011, 11:27:14 am

หัวข้อ: เส้นผม เล็บทำอย่างไร
เริ่มหัวข้อโดย: อยากรู้ ที่ ธันวาคม 18, 2011, 11:27:14 am
สลาม อ.อาลี ครับ ว่าหญิงมีประจำเดือนถ้าตัดเล็บและผมหลุดร่วงเราต้องเอาทั้งสองมายกฮะดัษด้วยหรือไม่ครับแล้วต้องเอาไปฝังด้วยหรือเปล่าครับขอหลักฐานด้วยครับขอบคุนครับ
หัวข้อ: ตอบ : เส้นผม เล็บทำอย่างไร
เริ่มหัวข้อโดย: อาลี เสือสมิง ที่ มกราคม 11, 2012, 06:10:20 pm
وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد

ไม่พบหลักฐานที่ถูกต้องในเรื่องที่ถามมาว่าหญิงที่มีประจำเดือนถ้าตัดเล็บและผมหลุดร่วงจำเป็นต้องนำเอาเล็บและผมนั้นมายกหะดัษด้วย และโดยข้อเท็จจริงแล้วผมของมนุษย์มีการหลุดร่วงในแต่ละวันเป็นจำนวนมากจึงเป็นเรื่องลำบากที่สตรีซึ่งมีประจำเดือนจะต้องคอยระวังในการเก็บเส้นผมของนางที่หลุดร่วงในแต่ละวันตลอดช่วงการมีประจำเดือนแล้วเก็บรวบรวมเอาไว้เพื่อนำมายกหะดัษ


ดังนั้นสิ่งที่ลำบากเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ศาสนาไม่บัญญัติให้กระทำ แต่สิ่งที่เป็นบัญญัติของศาสนาก็คือ การอาบน้ำยกหะดัษเน้นไปยังสภาพร่างกายในเวลาที่ทำการอาบน้ำยกหะดัษเป็นสำคัญ คือ ต้องให้น้ำไปถึงทุกส่วนของร่างกายและขุมขนตลอดจนโคนของเส้นผมรวมถึงเส้นผมที่มีอยู่ในขณะนั้น


ส่วนหะดีษที่มีรายงานจากอบีฮูรอยเราะฮฺ (ร.ฎ.) จากท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) : ที่กล่าวว่า “ภายใต้ขน (หรือผม) แต่ละเส้นนั้นมีญะนาบะฮฺ ดังนั้นพวกท่านจงล้าง (สระ) ผม (หรือขน) และจงทำให้ผิวหนังเกลี้ยงเกลา” บันทึกโดยอบูดาวูด หะดีษนี้เป็นหะดีษเฎาะอีฟ (อ่อน) ซึ่งท่านอิมามอัช-ชาฟิอียฺ , ยะหฺยา อิบนุ มะอีน , อัล-บุคอรียฺ และอบูดาวูด ถือเป็นหะดีษเฎาะอีฟ และหะดีษเมาวฺกูฟที่ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ (ร.ฎ.) รายงาน


 และที่มารายงานจากท่านอะลี (ร.ฎ.) จากท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ว่า : ผู้ใดละทิ้งตำแหน่งของขน (ผม) เส้นหนึ่งจากการมีญะนาบะฮฺโดยที่เขาไม่ล้างมัน เขาผู้นั้นจะถูกกระทำอย่างนั้นอย่างนี้จากไฟนรก” ก็เป็นหะดีษเฎาะอีฟเช่นกัน (กิตาบ อัล-มัจญมูอฺ ชัรหุลลุมฮัซซับ เล่มที่ 2/213)


ซึ่งนัยของหะดีษดังกล่าวอาจจะทำให้เข้าใจได้ว่าเมื่อผมหรือขนแต่ละเส้นหลุดร่วงไปในขณะที่มีญะนาบะฮฺ (หรือมีประจำเดือน) ก็จำเป็นต้องนำมายกหะดัษ แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งใดจะเป็นวาญิบหรือสิ่งใดจะเป็นที่ต้องห้าม (หะรอม) หรือแม้กระทั่งมักรูฮฺ สิ่งนั้นจะต้องมีหลักฐานที่ถูกต้องตามบัญญัติศาสนามารับรอง ดังนั้นเมื่อหะดีษดังกล่าวข้างต้นเป็นหะดีษเฎาะอีฟจึงไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในเรื่องวาญิบหรือหะรอมหรือมักรูฮฺได้นั่นเอง

والله أعلم بالصواب