อ.อาลี เสือสมิง : ถามตอบปัญหา

สารบัญปัญหาคาใจ => หมวด : เฏาะฮาเราะฮฺ => ข้อความที่เริ่มโดย: halim ที่ กันยายน 27, 2010, 08:34:20 pm

หัวข้อ: ต้องอาบน้ำวาญิบมั้ย
เริ่มหัวข้อโดย: halim ที่ กันยายน 27, 2010, 08:34:20 pm
salam  อ.อาลี
ผมมีคำถามเกี่ยวกับการอาบน้ำวาญิบนะครับ
1. กรณีที่ภรรยามีเพศสัมพันธ์กับสามีในตอนกลางคืน และเมื่อลุกขึ้นละหมาดซุบฮ์ ภรรยาก็ได้อาบน้ำวาญิบ ล้างอะไรเรียบร้อย แล้วไปละหมาด ขณะที่กำลังละหมาดก็รู้สึกเหมือนมีน้ำไหลออก (น่าจะเป็นน้ำอสุจิของสามี) ภรรยาต้องหยุดละหมาดแล้วไปอาบน้ำวาญิบใหม่หรือไม่
2. น้ำอสุจิของสามีภรรยากินได้หรือไม่
  ขอบคุณมากครับ ขอให้อัลลอฮ์ทรงตอบแทน   salam
หัวข้อ: ตอบ : ต้องอาบน้ำวาญิบมั้ย
เริ่มหัวข้อโดย: อาลี เสือสมิง ที่ กันยายน 27, 2010, 09:25:22 pm
وعليكم السلام ورحمة الله و بركاته
      الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛
 
ข้อ 1. นักวิชาการสังกัดมัซฮับ อัช-ชาฟีอียฺ ระบุว่า เมื่อสตรีถูกร่วมสังวาส (ญิมาอฺ) แล้วต่อมานางได้อาบน้ำยกหะดัษใหญ่ แล้วต่อมาอสุจิของฝ่ายชายก็ออกมาจากนาง ก็ไม่วาญิบที่นางต้องอาบน้ำยกหะดัษอีก แต่นางต้องอาบน้ำละหมาด (กิตาบ อัล-มัจญ์มูอฺ ซัรหุ้ลมุฮัซซับ เล่มที่ 2 หน้า 172)


อย่างไรก็ตาม นักวิชาการสังกัดมัซฮับ อัช-ชาฟีอียฺได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า กรณีที่บอกว่าไม่วาญิบที่นางต้องอาบน้ำยกหะดัษใหม่ หมายถึง กรณีถ้าฝ่ายหญิงที่ถูกร่วมสังวาสนั้นอายุยังน้อยและไม่หลั่ง (คือไม่ถึงจุดสุดยอด) หรือสตรีที่โตแล้วแต่สามีเป็นประเภทหลั่งเร็วหลังการสอดใส่ โดยที่นางจะยังไม่หลั่งตามภาวะปกติของนาง กรณีทั้งสองนี้ไม่วาญิบต้องอาบน้ำใหม่ เพราะในสองกรณีนี้สิ่งที่เป็นของเหลวไหลออกมาก็คือน้ำอสุจิของสามีที่ค้างอยู่ในช่องคลอดของนาง ก็ถือว่าเสียน้ำละหมาดแต่ไม่ต้องอาบน้ำยกหะดัษใหม่


ส่วนถ้าเวลาการร่วมสังวาสใช้เวลานานและสามีก็ยังไม่ถึงจุดสุดยอด ในช่วงเวลานั้นนางก็ถึงจุดสุดยอด น้ำอสุจิของทั้งสามีและของนางก็ปนกัน กรณีนี้นางต้องอาบน้ำยกหะดัษใหม่ (อ้างแล้ว 2/172) เพราะเป็นไปได้ว่า สิ่งที่ไหลออกมาจากช่องคลอดของนางก็คือ น้ำอสุจิของนางเองที่ค้างอยู่ แต่ถ้าถือตามทัศนะของอบูหะนีฟะฮฺ มาลิก และอะหฺหมัดก็ไม่วาญิบต้องอาบน้ำยกหะดัษเป็นครั้งที่สอง เพราะอสุจิที่ออกมาไม่ได้ออกด้วยอารมณ์กำหนัดและการพุ่ง ซึ่งไม่มีการพิจารณาในรายละเอียดอย่างที่นักวิชาการมัซฮับ อัช-ชาฟีอียฺ ระบุไว้ (อ้างแล้ว เล่มที่ 2/158)


ดังนั้น ข้อสรุปที่ได้ก็คือ ฝ่ายภรรยาที่ถามมาในคำถามต้องหยุดละหมาดทันทีเพราะหล่อนเสียน้ำละหมาดแล้วด้วยการที่มีของเหลวไหลออกมาจากอวัยวะส่วนนั้นของหล่อน แล้วให้ไปล้างอวัยวะส่วนนั้น และทำความสะอาด (ล้าง) ผ้าหรืออันเดอร์แวร์ที่เปื้อนของเหลวนั้น ถ้าเปรอะเปื้อน ต่อจากนั้นก็ให้หล่อนอาบน้ำละหมาดใหม่ซึ่งเป็นวาญิบและไปละหมาดได้ ทั้งนี้โดยไม่วาญิบต้องอาบน้ำยกหะดัษอีกเป็นครั้งที่สองตามที่อิหม่าม อัร-รูยานียฺ รายงานจากอัศหาบุช ชาฟีอียฺโดยไม่ต้องลงรายละเอียดที่อธิบายข้างต้น และเป็นการถือตามทัศนะของปวงปราชญ์ส่วนใหญ่


นี่คือคำตอบสำหรับกรณีที่พบหรือรู้ว่ามีของเหลวไหลออกมาจริงๆ ส่วนถ้าขณะละหมาดอยู่เกิดสงสัยว่ามีอะไรเล็ดออกมาและเป็นเพียงแค่สงสัยก็ไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น กล่าวคือ ไม่ต้องหยุดละหมาดแต่ให้ละหมาดต่อไป ซึ่งดูรายละเอียดประกอบในคำตอบเรื่อง ฉี่เล็ด


ข้อ 2. น้ำอสุจิของมนุษย์นั้นถือเป็นสิ่งที่สะอาด (ไม่ใช่นะญิส) ตามมัซฮับ อัช-ชาฟีอียฺ และเป็นคำกล่าวของท่าน สะอีด อิบนุ อัล-มุสัยยิบ ; อะฏออฺ , อิสหาก อิบนุ รอฮฺวัยฮฺ , อบูเษาริน , ดาวูด และอิบนุ อัล-มุนซิร และเป็นรายงานที่ถูกต้องของสองรายงานจากอิหม่ามอะหฺมัด และอัล-อับดะรียฺ เล่าเอาไว้จากท่าน สะอฺด์ อิบนุ อบีวักก็อศ , อิบนุ อุมัร และท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) ส่วน อัษเษารียฺ , อัล-เอาซาอียฺ , มาลิก, อบูหะนีฟะฮฺ และสานุศิษย์ของท่านกล่าวว่า อสุจิเป็นนะญิส (กิตาบ อัล-มัจญมูอฺ ซัรหุลมุฮัซซับ เล่มที่ 2 หน้า 572-573)

ต่อมาถ้าถือตามทัศนะของนักวิชาการที่ระบุว่า น้ำอสุจิเป็นสิ่งที่สะอาด ก็ถามว่า อนุญาตให้กินน้ำอสุจิที่สะอาดนั้นได้หรือไม่? ประเด็นนี้มี 2 แนวทาง ที่ถูกต้องและเป็นที่รู้กัน (เศาะฮีหฺ-มัชฮู๊ร) คือไม่อนุญาตให้กินเพราะเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง (มุสตัคบัษ) ส่วนแนวทางที่สอง บอกว่าอนุญาต ซึ่งเป็นคำกล่าวของชัยคฺอบูซัยด อัล-มะรูซียฺ โดยให้เหตุผลว่าเพราะน้ำอสุจิเป็นสิ่งที่สะอาดและไม่มีอันตราย (กิตาบ อัล-มัจญมูอฺ เล่มที่ 2 หน้า 578) ดังนั้นก็อย่าไปกินเลยครับ ของกินอย่างอื่นมีอีกเยอะแยะ และภรรยาก็คงจะไม่อยากกินของแบบนี้หรอกครับ


والله أعلم بالصواب