กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 ... 8 9 [10]
91
คำถามที่รอคำตอบ / ความหมายของชื่อลูกชาย
« กระทู้ล่าสุด โดย ผู้นอบน้อม เมื่อ ธันวาคม 30, 2015, 11:11:33 pm »
 salam ครับอาจารย์ รบกวนถามคำว่า "ซัยฟาน" ที่มีความหมายว่า ดาบ ถูกต้องหรือไม่ครับ และสามารถนำไปตั้งเป็นชื่อของลูกชายเหมาะสมหรือไม่ครับ
92
คำถามที่รอคำตอบ / การแต่งงาน
« กระทู้ล่าสุด โดย seasandsky เมื่อ ธันวาคม 30, 2015, 04:45:01 pm »
อัสลามูอาลัยกุมค่ะ

ดิฉันมีคำถามและต้องการคำตอบพร้อมหลักฐานอ้างอิงทั้งจากอัลกุรอ่านและหะดิษ ขออนุญาตเริ่มเรื่องน่ะค่ะ ดิฉันได้คุยกับผู้ชายคนนึง จุดประสงค์ก็เพื่อการแต่งงาน เขาเป็นผู้ชายที่มีศาสนาทั้งวาจาและการประพฤติ เขาได้ขอดิฉันแต่งงานเพราะเขาบอกว่าหากเราคุยกันนานเกินไปจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องแต่ดิฉันได้ทำการปฏิเสธ เนื่องจากดิฉันคิดว่ามันเร็วเกินไปเพราะเราพึ่งรู้จัก แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปแต่งงานกับผู้ัหญิงคนนึง ซึ่งเขาบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ม้าย และที่เขาแต่งงานนั้นก็เพื่อเป็นการช่วยเหลือและดูแลผู้หญิงคนนั้น(ณ ปัจจุบันแต่งงานและเป็นภรรยาเขา) ซึ่งดิฉันเจอฮาดิษที่ว่า "ผู้ใดที่ได้ช่วยเหลือแม่ม้ายและเด็กกำพร้านั่นคือผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ ซบ รายงานโดย Bukhari and Muslim แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นดิฉันได้ไปเจอในเว็บไซต์ที่เขียนไว้ ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง Jaabir ibn ‘Abd-Allaah และท่านนบีมูฮันหมัด ซล โดยมีบทสนทนาว่า ‘Have you got married?’ I said, ‘Yes.’ He said, ‘A virgin or a previously-married woman?’ I said, ‘A previously-married woman.’ He said, ‘Why not a young girl, whom you could play with and she could play with you?’ I said, ‘I have sisters and I wanted to marry a woman who could gather them together and comb their hair and take care of them.’ He said: ‘You will reach, so when you have arrived (at home), I advise you to associate with your wife (that you may have an intelligent son).’” (Narrated by al-Bukhaari, 1991; Muslim, 715) ดิฉันต้องการทราบว่า
 1.ทำไมในกรณีนี้ท่านนบีมูฮัมหมัด ซล ถึงพูดให้เขาแต่งงานกับหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ไม่ใช่แม่ม่าย แต่ในทางกลับกันทำไมท่านนบีมูฮัมหมัดถึงได้แต่งงานกับท่านหญิงคอดียะห์โดยที่ไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์
 2.การที่เขาต้องการแต่งงานกับดิฉัน แต่กลับไปแต่งกับคนอื่นก่อน นั่นเป็นการผิดคำพูดหรือไม่ และดิฉันควรที่จะแต่งงานกับเขาอีกหรือไม่
 3.เขาได้บอกภรรยาเขาว่าเขาต้องการแต่งงานกับดิฉัน และภรรยาเขาอนุญาต แต่ตอนนี้แม่ของดิฉันไม่อนุญาติให้ดิฉันแต่งงานกับเขา ด้วยเหตุผลที่แม่อ้างว่าสังคมไทยไม่นิยมการมีภรรยามากกว่า 1 คน และถ้าหากดิฉันยืนยันที่จะแต่งงานกับเขา ดิฉันจะมีบาปไหม หากไม่เชื่อฟังแม่ (ก่อนสิ่งอื่นใด เราคืออิสลาม และการมีภรรยามากกว่า 1 คน นั่นเป็นสิ่งที่พระเจ้าอนุญาต หากเขามี
ความสามารถและให้ความยุติธรรมแก่นางได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นดิฉันพอใจในความมีศาสนา และยำเกรงต่อพระเจ้าของเขา)
93
คำถามที่รอคำตอบ / การใส่เสื้อที่มีโลโก้กรมพลศึกษา
« กระทู้ล่าสุด โดย ็Hamba Allah เมื่อ ธันวาคม 30, 2015, 04:39:11 pm »
لسَّلاَمُ عَلَيْكُمْ وَرَحْمَةُ اللهِ وَبَرَكَاتُهُl
อาจารย์ครับ ผมขอถามว่า เสื้อที่มีโลโก้กรมพลศึกษาสามารถสวมใส่ได้ไหมครับ เป็นเสื้อกีฬาครับ http://www.dpe.go.th/2014/theme/01/images/main/dpe-logo.png
94
 salam
อาจารย์อาลี ครับ ผมรู้สึกสับสนมากครับ คือได้บังเอิญเข้าไปอ่านบทความในเฟสบุคหนึ่ง เขาได้ชี้แจงถึงที่มาของการแต่งหนังสือ ปะริซัย บะฆฺี ซะกะลิยัน มุกัลลัฟ ของท่านชัยค์ อัลมัลดีลีย์ จึงอยากให้อาจารย์อาลีได้ชี้แจงหน่อยครับ ผมในฐานะติดตามฟังการสอนหนังสือ ปะริซัย บะฆฺี ซะกะลิยัน มุกัลลัฟ ของอาจารย์ครับ
และข้อความข้างล่างเป็นข้อความส่วนหนึ่งที่ผมคัดลอกมาครับ

กิตาบ “ ปะริซัย บะฆฺี ซะกะลิยัน มุกัลลัฟ ”

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2558 ท่านผ่าน ท่านอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านได้เข้าพบคารวะปราชญ์อัลลามะฮ์ ท่านต่วนฆูรูบาบอศอลิห์ บิน มูซา แห่งปอเนาะอัรเราะหฺมานียะฮ์(ปอเนาะเซะ) รัฐเกอดะฮ์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งท่านบาบอศอลิห์ท่านนี้ส่วนหนึ่งของครูของท่านที่นามอุโฆษก็คือท่านชัยค์ปะดอแอมักกะฮ์, ชัยค์ยาซีน อัลฟาดานีย์และชัยค์อับดุลกอดิร อัลมันดีลีย์ ร่อหิมะฮุมุลลอฮฺ

หนังสือกิตาบ “ ปะริซัย ” แต่งโดยท่านชัยค์อับดุลกอดิร อัลมันดิลีย์ ณ นครมักกะฮ์ ท่านเป็นศิษย์ของท่านชัยค์ปะดอแอฟะฏอนีย์ หรือเป็นที่รู้จักว่า ท่านปะดอมักกะฮ์ อาจารย์ท่านหนึ่งนั้น เมื่อท่านได้โอกาสเข้าพบท่านบาบอศอลิห์ ท่านก็ถือโอกาสถามมัสอะละฮ์ต่างๆและถามถึงกิตาบปะริซัยว่ามีความเป็นมาเช่นไร

ท่านบาบอศอลิห์ ท่านจึงได้บอกที่มาของตำราหนังสือ “ ปะริซัย พร้อมกับให้ข้อคิดว่า

ปัญหา : ทำไมชัยค์อับดุลกอดิร(โต๊ะกอเด) อัลมันดิลีย์ ถึงได้นำเสนอเตาฮีด 3 (รุบูบียะฮ์, อุลูฮียะฮ์ และอัสมาอฺวะศิฟาต) ในหนังสือ “ ปะริซัย ” ความเป็นมาอย่างมาไร ?

บาบอศอลิห์ : สาเหตุดังนี้ ... ที่มัสยิดอัลหะรอมในขณะนั้น จะอ่านวิชาเตาฮีดของอัลอะชาอิเราะฮ์(สายเก่า)ไม่ได้ (ถ้าอ่านจะถูกจับ) ส่วนมากแล้วผู้ที่จะเรียนเตาฮีดอะชาอิเราะฮ์นั้น จะต้องไปเรียนที่บ้านปะดอแอ แต่ที่บ้านปะดอแอนั้นแคบไม่ได้กว้างขวางสักเท่าไหร่

แต่บรรดานักศึกษาที่เรียนในมัสยิดอัลหะรอมขณะนั้น (มีทั้งชาวมาเลเซีย, อินโดนีเชีย, ไทย, ฟิลิปินส์และบรูไน) ข้องใจอยากที่จะให้ได้เรียนวิชาเตาฮีดบ้าง เพราะว่าได้เรียนวิชาฟิกฮ์, นะฮู, ศ่อร็อฟ, บะลาเฆาะฮ์และบะยานเท่านั้น ในมัสยิดอัลหะรอม บรรดานักศึกษาต่างก็มีความมุ่งมั่นขอกับชัยค์กอเดอยากเรียนเตาฮีดในมัสยิดอัลหะรอมให้ได้ ท่านชัยค์กอเดก็เลยพยายามหาวิธีที่จะทำยังไงให้ได้สอนวิชาเตาฮีดในมัสยิดอัลหะรอม

ท่านชัยค์กอเด ก็เลยได้เขียนกิตาบเล่มหนึ่ง (คือปะริซัย) ที่มีเนื้อหาเตาฮีดซึ่งชัยค์กอเดได้นำหลักอะกีดะฮ์ตามเชิงแนวทางของวะฮฺฮาบีย์ ที่อ้างถึงชัยค์อิบนุตัยมียะฮ์และท่านอื่นๆมาสอดแทรก เพื่อที่ว่าเวลาทางการ(ซาอุดี้ที่วะฮฺฮาบีย์คุม)ตอนนั้นเปิดดูก็จะได้ยอมรับว่า “ โอ้ ... นี่ตรงกับแนวทางของเรา ก็ไม่มีปัญหาอะไร ” ก็เลยยอมให้สอนในมัสยิดอัลหะรอม (จุดประสงค์ของชัยค์กอเด เพื่อที่จะบังหน้าเท่านั้น)

พอแต่งเสร็จแล้ว ท่านชัยค์กอเดก็พา(กิตาบปะริซัย)ไปให้ท่านชัยค์ปะดอแอ มักกะฮ์ (ซึ่งเป็นครูของชัยค์กอเด)ตรวจสอบดู ... เมื่อดูแล้วท่านชัยค์ปะดอแอก็เลยต่อว่าชัยค์กอเดว่า

“ เจ้าเป็นโต๊ะครูใหญ่ สอนลูกศิษย์เป็นพันๆคนในมัสยิดอัลหะรอม เจ้าไม่อายหรือที่ทำอย่างนี้ ที่แต่งกิตาบหน้าตำหนิอย่างนี้ขึ้นมา ”

ทั้งที่นักศึกษาส่วนมากตามแนวทางของอัลอัชอะรีย์ และชัยค์กอเดเองก็เป็นลูกศิษย์เรียนอะกีดะฮ์กับท่านชัยค์ปะดอแอ ส่วนมากเรียนกับชัยค์ปะดอแอทั้งนั้น แต่เนื่องด้วยนักศึกษาขอหนักที่จะเรียน ท่านชัยค์กอเดเลยแต่งกิตาบเล่มนี้ขึ้นมา แต่ถ้าเขียนตามแนวทางของอัชอะรีย์จะอ่านในมัสยิดอัลหะรอมไม่ได้ แต่ถ้าเขียนหลักอะกีดะฮ์ที่ได้กล่าวถึงชัยค์อิบนุตัยมียะฮ์, อิหม่ามอัฏเฏาะฮฺฮาวี, อิบนุฮาดีย์และอิบนุเญาซฺีย์ ไม่เป็นไร (ชัยค์กอเดรแต่งกิตาบปะริซัยขึ้นมานั้นเพื่อจะเป็นการบังหน้าให้ได้สอนเตาฮีดในมัสยิดอัลหะรอมเท่านั้น)

บาบอศอลิห์ : อย่าได้ยึดถือหลักอะกีดะฮ์แบบอื่นเลย ให้เรายึดหลักอะกีดะฮ์อะลุสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ให้ดี อ่านกิตาบชัรกอวีย์, กิฟายะตุ้ลเอาวาม เป็นต้น

จบ.
95
คำถามที่รอคำตอบ / การรับของฮาดียะห์เนื่องด้วยหน้าที่การงาน
« กระทู้ล่าสุด โดย Zainn เมื่อ ธันวาคม 25, 2015, 03:26:10 pm »
 salam
อยากสอบถามอาจารย์ครับ คือผมทำงานเกียวกับการบริการด้านระบบเน็ตเวิร์คครับ
ปัญหาคือบางครั้งจะมีลูกค้าบางรายที่ชอบในงานบริการของผม กล่าวคือเวลาเเก้ปํญหาหน้างานให้ระบบดังกล่าวใช้งานได้ลูกค้ามักจะตอบเเทนน้ำใจด้วยวิธีการต่าง ซึ่งผมเข้าใจดีถึงความหวังดีของลูกค้าครับ
ดังกล่าวนี้ลูกค้าจะตอบเเทนด้วยเงิน (ลูกค้าชอบบอกว่า ค่าเสียเวลา)บางครั้งตัวเลขหลายร้อยครับ พวกเครื่องดื่มชา กาเเฟ ขนมบเคี้ยวหรืออาจเป็นสิ่งของครับ

จากตรงนี้เลยอยากสอบถามครับว่า เงินเเละสิ่งของเหล่านี้จะอยู่ในรูปของสินบนรึเปล่าครับ
ตอนนี้คืออยู่ในสถานะคลางเเคลงใจเลยไม่อยากรับ
รบกวนอาจารย์ช่วยชี้เเนะด้วยครับ
ขอบคุณคับ
96
คำถามที่รอคำตอบ / ซะกาตย้อนหลัง
« กระทู้ล่าสุด โดย nii เมื่อ ธันวาคม 25, 2015, 01:03:02 am »
 salam

อยากถามอาจารย์อาลี เกี่ยวกับซะกาต 2 กรณีครับ 

1.-นาย ก.ได้ยักยอกเงินพ่อของเขา(จำนวนเงินเกินพิกัดที่ต้องออกซะกาต)โดยที่พี่น้องของนาย ก. มาทราบภายหลัง แต่นาย ก.ไม่มีเงินมาคืนให้ ต่อมาพ่อนาย ก.ได้เสียชีวิตลง  และอีก 15 ปีนาย ก.ก้เสียชีวิต และอีก 8 ปีหลังจากนาย ก. เสียชีวิต ทางทายาท นาย ก. ได้นำเงินจำนวนนั้นมาคืนให้กับ พี่น้องของนาย ก. 
อยากถาม อาจารย์ว่า เมื่อพี่น้องนาย ก. ได้รับเงินดังกล่าวเงินนั้นเป็นมรดกใช่ไหมครับ และพี่น้องของนาย ก.ต้องออกซะกาต ย้อนหลังหรือไม่  หากไม่ต้องจ่ายซะกาตให้แบ่งเงินไปตามส่วนทำแบบนี้ถูกไหมครับ

2.-และอีกหนึ่งคำถามคล้ายกันครับ สมมุติว่า เรามีเงิน 150,000 ซึ่งถึงพิกัดต้องออกซะกาต  แต่ให้เพื่อนยืมไป 70,000 ก่อนครบรอบปี แล้วอีก2ปี เพื่อนจึงนำเงินมาคืนให้ ระหว่าง2ปีนั้นเงินเราไม่เกินพิกัด จึงไม่ได้ออกซะกาต แต่เมื่อเพื่อนนำเงิน มาคืนให้ จึงถึงพิกัด ถามว่าจำเป็นต้องออกซะกาตย้อนหลังหรือไม่

ที่สงสัยเพราะมีคนบอกว่า เงินที่ยืมไปยังเป็นกรรมสิทธิของเราอยู่นะครับจึงให้นับรวมไปด้วย

ญะซากัลลอฮุคอยรอนครับ
97
وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته

หากอยากทราบประวัติของชัยคฺ อับดุลกิดิร อัล-มันดิลียฺ (ร.ฮ.) ก็สามารถเข้าไปดูในเวบไซด์ของอาจารย์สุโกร ดินอะ (สงขลา) ได้ครับ ส่วนครูของท่านชัยคฺ อับดุลกอดิรฺ (ร.ฮ.) จะมีสายสนัดไปจนถึงท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) หรือไม่ ข้อนี้ไม่ทราบได้ ตำราของท่านก็ไม่มีระบุสะนัดเอาไว้ และคงไม่จำเป็นต้องระบุสายสะนัดถึงท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮะวัลลัม) อีกด้วยกระมัง


เอาแค่หนังสือปะริสัยที่ท่านแต่งเป็นอรรถกถา อะกีดะฮฺ อัฏ-เฏาะหาวียฺว่ามีสายสะนัดถึงอิมามอัฏ-เฏาะหาวียฺ (ร.ฮ.) ซึ่งเสียชีวิตปี ฮ.ศ. 321 หรือไม่ก็คงยากที่จะระบุสะนัดแล้วจะเอาอะไรกันนักหนา คงไม่ต้องลากสะนัดไปจนถึงท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) หรอกครับ


หนังสือปะริสัยเขียนจบในตอนเย็นวันอังคารที่ 23 เดือนญุมาดา อัล-อูลา ปี ฮ.ศ. 1376 , หนังสืออะเนาะกุญจี ชุรฺฆอ เขียนเสร็จในวันที่ 21 เราะมะฎอน ปี ฮ.ศ. 1382 , หนังสือเปอนะวัรฺ บาฆี ฮาตี เขียนเสร็จวันที่ 7เราะญับ ปี ฮ.ศ. 1378 แต่อิมามอัฏ-เฏาะหาวีย (ร.ฎ.) เสียชีวิตไปตั้งแต่ ปี ฮ.ศ. 321ห่างกันเป็นพันปี อิมามอัฏ-เฏาะหาวียฺ (ร.ฮ.) ก็เกิดหลังจากท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) จากไปหลายร้อยปี หากจะถามหาสะนัดของหนังสือ 3 เล่ม ของชัยคฺอับดุลกอดิรฺ (ร.ฮ.) ก็ตัวของชัยคฺ อับดุลกอดิรฺ (ร.ฮ.) นั่นเองที่เป็นต้นสะนัด เพราะท่านเป็นผู้แต่งหนังสือทั้ง 3 เล่มนั้นเอาแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องลากไปถึงท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) เพราะเป็นสะนัดของหนังสือที่ถูกเรียบเรียงขึ้นเขาถือกันว่าผู้แต่งคือต้นสายสะนัด ไม่ใช่เรื่องการริวายะฮฺหะดีษของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)


ดังนั้นสายสะนัดหนังสือปะริสัยที่ผมสอน ผมเรียนกับครูแบบมุชาฟะฮะฮฺ (อ่านจากปากครู และผมอ่านให้ครูฟัง (อัล-กิรออะฮฺ อะลัชชัยคฺ) ครูของผมคือ ต่วนฆูรู หัจญียูสุฟ บิน มุฮัมมัด บิน สะลาม บิน อะมีน (โต๊ะกีหมิง) ท่านครูของผมเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์การีม หลังสัน (บางชัน) เราะหิมะฮุลลอฮฺ และยังเป็นศิษย์ของอาจารย์อาบิดีน วิทยานนท์ (หลอแหล) เราะหิมะฮุลลอฮฺ ท่านอาจารย์อาบิดีน (ร.ฮ.) เป็นศิษย์ของท่านชัยคฺ อับดุลกอดิรฺ (ร.ฮ.) ที่นครมักกะฮฺ นี่คือสายสนัดของครูที่สืบถึงชัยคฺอับดุลกอดิรฺ (ร.ฮ.) ผู้แต่งหนังสือปะริสัย


และครูของผมก็ทันพบและได้ฟังชัยคฺ อับดุลกอดิรฺ (ร.ฮ.) ชัยคฺ อับดุลกอดิรฺ (ร.ฮ.) ยังเป็นผู้สอนที่มัสญิดหะรอม นครมักกะฮฺ ร่วมสมัยกับบาบออับดุลลอฮฺ บันนังกะบง (ปัตตานี) ซึ่งเป็นครูของครูผมอีกด้วย คือ ต่วนฆูรู หัจญียุสุฟ และต่วนฆูรู หัจญีกอเซ็ม นาคนาวา (ร.ฮ.) พี่ชายของผมคือ หัจญีซอและฮฺ บิน อะหฺมัด เสือสมิง และพี่เขยของผม หัจญีมูซา ริดมัด (ร.ฮ.) ทั้งสองเป็นศิษย์ของอาจารย์อาบิดีน (ร.ฮ.) โรงเรียนมะเซาะห์ (หลอแหล) และพี่เขยของผมก็คือครูที่สอนอัล-กุรอานและฟัรฎูอัยนฺให้แก่ผมที่โรงเรียนอิสลามอนุสรณ์ศึกษา บ้านป่า


พี่ชายของผม (อาจารย์อับดุลลอฮฺ เสือสมิง (ร.ฮ.) และอาจารย์การีม เสือสมิง) เป็นลูกศิษย์อาจารย์มุฮัมมัด มะหะหมัด (ร.ฮ.) อดีตจุฬาราชมนตรี ที่โรงเรียนมิฟตะหฺ บ้านดอน อาจารย์มุฮัมมัด (ร.ฮ.) เป็นศิษย์ของชัยคฺ อับดุลกอดิรฺ (ร.ฮ.) และครูของผม (ต่วนฆูรู หัจญียูซุฟ เสือสมิง) เป็นลูกศิษย์ของสัยยิด อะมีน (ร.ฮ.) ที่นครมักกะฮฺ สัยยิด อะมีน (ร.ฮ.) เป็นอาจารย์ของอาจารย์อาบิดีน (ร.ฮ.) และอาจารย์มุฮัมมัด มะหะหมัด (ร.ฮ.) ครูของผมจึงเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับท่านทั้งสอง





ถ้านับสนัดครู (سندالشيوخ) ถึงชัยคฺ อับดุลกอดิรฺ อัล-มันดีลียฺ (ร.ฮ.) ผ่านอ.อาบิดีน (หลอแหล) ร.ฮ. นายอาลี เสือสมิงเป็นศิษย์ของศิษย์ของ อ.อาบิดีน (หลอแหล) คือรุ่น (เฏาะบะเกาะฮฺ) ที่ 3 เช่นเดียวกับเป็นศิษย์ของศิษย์อ.ยะห์ยา ลาติฟี (ร.ฮ.) เป็นศิษย์ของศิษย์อ.มุฮัมมัด มะหะหมัด (จุฬา) ร.ฮ. คณาจารย์ทั้งสามท่านเป็นศิษย์ของชัยคฺ อับดุลกอดิรฺ อัล-มันดีลียฺ (ร.ฮ.)


ชัยคฺอับดุลกอดิรฺ อัล-มันดีลียฺ (ร.ฮ.) เป็นศิษย์ของท่านต่วนฆูรู ปะดอแอ (ร.ฮ.) ที่นครมักกะฮฺ และบาบอหัจญีอับดุลลอฮฺ บันนังกะบง ก็เป็นศิษย์ของต่วนฆูรูปะดอแอ (ร.ฮ.) ที่ปัตตานี และบาบอหัจญีอับดุลลออฺ บิน หัจญีมุฮัมมัดศอลิหฺ บินวันอับดุลกอดิรฺหรือบาบออับดุลลอฮฺบันนังกะบงเคยเป็นศิษย์ที่เบอระมิง 10 ปี และเรียน-สอนที่นครมักกะฮฺ 22 ปี ได้รับฉายาว่า “ฮารีเมา ปะตานี” อาจารย์ของท่านที่นครมักกะฮฺได้แก่ สัยยิดอะมีน อัล-กุตุบียฺ , ชัยคฺยาซีน อัล-บาดานียฺ , ชัยคฺ หะสัน อัล-ยะมานียฺ , สัยยิด อะละวียฺ , โต๊ะชาฟิอียฺ กะเดาะห์ , ชัยคฺ อะหฺยาด บูฆุรฺ , ปะดอแอและหัจญีดาวอ์ บันดังกูจีล เป็นต้น


ลูกศิษย์ของ บาบออับดุลลอฮฺ บันดังกะบง ที่นครมักกะฮฺ คืออาจารย์มุฮัมมัด มะหะหมัด (ร.ฮ.) อดีตจุฬาราชมนตรี และส่วนหนึ่งจากลูกศิษย์ของท่านที่ปัตตานีคือ ครูของข้าพเจ้า 2 ท่านคือ ต่วนหัจญียูซบ เสือสมิง และต่วนอัจญีกอเซ็ม นาคนาวา (ร.ฮ.) ดังที่กล่าวมาแล้ว

หากจะถามว่าสายสะนัดหนังสือ ปะริสัย หรืออะเนาะกุญจีชุรฺฆอ และเปอนะวัร บาฆีฮาตี ที่ข้าพเจ้าสอนสืบถึงท่านชัยคฺ อับดุลกอดิรฺ อัล-มันดีลียฺ (ร.ฮ.) หรือไม่ ก็ตอบได้ว่าสายสะนัดครูนั้นถึงแน่นอนและหลายทางด้วย


แต่ถ้าจะถามว่าแล้วครูของข้าพเจ้าเรียนหนังสือ 3 เล่มนั้นจากครูของท่านแล้วครูของท่านเรียนจากชัยคฺ อับดุลกอเดร (ร.ฉ.) โดยตรงหรือไม่ ข้อนี้ไม่ยืนยัน เพราะเท่าที่รู้ท่านอาจารย์อาบิดีน หลอแหล (ร.ฮ.) เรียนฟิกฮฺกับชัยคฺอับดุลกอเดร (ร.ฮ.) ส่วนหนังสือทั้ง 3 เล่มนั้นถูกตีพิมพ์หลังท่านเขียนเสร็จตามที่ระบุมาข้างต้น ก็ไม่ทราบได้ว่าช่วงที่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์นั้น ท่านอาจารย์อาบิดีน , อาจารย์มุฮัมมัด มะหะหมัด และอาจารย์ยะหฺยา ลาตีฟี (เราะหิมะฮุมุลลอฮฺ) อยู่ในช่วงใด ยังคงเรียนที่มักกะฮฺหรือว่ากลับมาตั้งปอเนาะแล้ว ข้อนี้ต้องสืบสวนทวนความต่อไป

والله اعلم بالصواب
98
คำถามที่รอคำตอบ / ฮะดิษตอนนบีซ.ลวาฟาต
« กระทู้ล่าสุด โดย นักเรียน เมื่อ ธันวาคม 22, 2015, 11:11:52 pm »
อัสลามุอะลัยกุมครับอาจารย์
ขอถามอาจารย์เรื่องฮะดิษที่พูดถึงช่วงนบีวาฟาตหน่อยครับ มีฮะดิษที่บอกถึงตอนท่านนบีซ.ล กำลังวาฟาต โดยที่ท่านอยู่กับท่านหญิงฟาติมะห์และท่านอาลี โดยที่ก่อนที่ท่านจะเสียท่านได้พุดคำว่าอุมมะตี อยากสอบถามสถานะฮะดิษนี้หน่อยครับ แล้วตกลงก่อนท่านเสียท่านอยู่กับฟาติมะห์หรือท่านหญิงอาอิชะห์กันแน่ครับ  รบกวนอาจารย์ด้วยครับ
99
หมวด : ทัศนะและแนวทางในเรื่องฟิกฮฺ / อุลามาอ์ยุคสลัฟทำอย่างไรเมื่อมีความขัดแย้งกัน
« กระทู้ล่าสุด โดย บ่าวตัวน้อย เมื่อ ธันวาคม 16, 2015, 09:37:57 pm »
 salam อาจารย์อาลีครับ
ผมเห็นโต๊ะครูหลายคน ไม่ว่าจะสำนักไหน กลุ่มไหน ในประเทศไทยทำไมพอมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ทำไมไม่ไปคุยให้เครีย รึไม่ก็ไปนั่งคุยกันก่อนในวงแคบๆให้เข้าใจกันก่อนว่าเรื่องที่ขัดแย้งหรือที่สอนชาวบ้านตาดำๆนั้น นบีว่าอย่างไร สลัฟว่าอย่างไร แล้วค่อยมาสอนชาวบ้าน  แต่เที่ยวไปอ้างโน้นอ้างนี่  พาดพิงคนโน้นทีคนนี้ทีว่าโต๊ะครูคนนั้นสอนผิด สอนเพี้ยน ลำพังพวกเขานั้นไม่เท่าไรหรอก แต่ชาวบ้านนี่สิ บอกตามตรงว่าสับสน ชาวบ้านบางคนถึงขั้นประชดว่า กูไม่ฟัง ไม่เรียนมันแล้ว ไม่รู้อันไหนผิดอันไหนเพี้ยน ไม่ชงไม่เชื่อมันแล้ว"  แต่สำหรับผมนั้นแน่นอนว่าสัจธรรมมันก็คือสัจธรรม ฉะนั้นอยากถามอาจารย์ว่า บรรดาสลัฟฟุศศอและห์ เมื่อเขาวินิจฉัยขัดแย้งกันในประเด็นเดียวกัน หลักฐานเดียวกัน พวกเขาเหล่านัันมีวิธีการอย่างไร?เพื่อไม่เกิดความวุ่นวาย สับสนหรือฟิตนะห์ในสังคม ไม่ว่าจะนั่งคุยกัน หรือโต้กัน  มีบ้างไหม ประเภทที่ว่าไปปราศัยโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งอย่างเสียๆหายๆ กะแหนะกะแหนดูถูก แล้วมีบ้างไหมบรรดาสี่อิหม่าม เขามีวิธีการยังไร ทั่่งๆที่บางประเด็นในการฟัตวาของพวกเขาก็ไม่ได้เหมือนกัน มีตัวอย่างไม่ครับอาจารย์ในการไกล่เกลี่ย ประณีประณอม
 ส่วนบ้านเมืองเรา บอกเลยว่าเพลียสุดๆ สายเก่านะไม่เท่าไร แต่สายใหม่นี่สิ สะระนัว นะซิกาบูเลยล่ะ ทุกวันนี้ก็ได้แต่ดุอาอ์ให้อยู่ในหนทางที่ถูกต้องที่สุด ให้การงานต่างๆได้รับการตอบรับจากอัลลอฮ์ ใครจะว่าอะไรก็ชั่ง ผมทำดีที่สุดของผมแค่นี้
   ขอมะอัฟ และญะซากั้ลลอฮ์นะครับที่มีพื้นที่ให้ผมได้ระบายความรู้สึก สุดท้ายผมขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรง ยืนหยัดทำงานศาสนา สืบทอดเจตนารมณ์ของท่านร่อซูลอย่างมั่นคงตลอดไป
วัสลามครับ
100
พูดคุยเรื่องทั่วไป / สำนักคิด ต่างๆ แนวทาง73
« กระทู้ล่าสุด โดย อัดนัน เมื่อ ธันวาคม 16, 2015, 04:06:41 pm »
อิสลามอ่อนแอเพราะ ผู้นำแบ่งคนมุสลิมออกเป็น 73 พวก พวกใหม่ พวกเก่า ฯลฯ ทั้งที่นบีสั่งเสียให้เรายึดอัลกรุอ่านและอัลฮาดิษ อิสลามต้องเป็นหนึ่งเดียว บางพวกเป็นผู้พิพากษาตัดสินพวกนี้สวรรค์ พวกนี้นรก ผมเป็นคนรู้น้อย ทำอีบาดะเท่าที่เรียนมาน้อยเท่าที่รู้และกำลังเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะตาย สับสนกับพวกผู้รู้ที่คนนับถือว่าเป็นอูลามา แบ่งพี่น้องมุสลิมเป็นกลุ่มเป็นพวก ผมเรียนมาน้อยรู้เพียงว่าใครที่อัลลอฮ.เมตตาแล้วจะได้เข้าสวรรค์ ใครไม่ผ่านบททดสอบจะลงนรก ผมทำอีบาดะด้วยความรู้ที่น้อยนิดแต่เข้าใจว่านี้คือสิ่งที่อัลกรุอ่านและฮาดิษบอกมา หวังความเมตตาจากอัลลอฮ.จะได้สวรรค์หรือนรกอัลลอฮ.กำหนดไว้แล้ว ถ้ามุสลิมแบ่งเป็นพวกเราไม่มีวันชนะพวกยาฮูดีและนัสรอนี ทำไม่ผู้นำจึงแบ่งคนหามวลชนด้วยเพราะผลประโยชน์อันใด
หน้า: 1 ... 8 9 [10]