الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛
สำหรับนักนิติศาสตร์สังกัดมัซฮับอัล-หะนะฟียฺ แยกมักรูฮฺออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. มักรูฮฺตะหฺรีม (اَلْمَكْرُوْهُ تَحْرِيْمًا) หมายถึง สิ่งที่ผู้วางบัญญัติ (อัช-ชาริอฺ) เรียกร้องให้ละทิ้งสิ่งนั้นโดยเป็นไปอย่างเด็ดขาดและบังคับด้วยหลักฐานเชิงซ็อนนฺ (الدليل الظني) เช่น บรรดาหะดีษอา-ห๊าดฺ เป็นต้น เรื่องที่ถือเป็นมักรูฮฺ ตะหฺรีม เช่น การซื้อขายตัดหน้า การสู่ขอ (หมั้น) ซ้ำซ้อน เป็นต้น
และ “มักรูฮฺ ตะหฺรีม” แตกต่างจาก “หะรอม” ในกรณีที่ว่า หะรอมนั้นคือสิ่งที่ผู้บัญญัติ (อัช-ชาริอฺ) เรียกร้องให้ละทิ้งสิ่งนั้นโดยเป็นไปอย่างเด็ดขาดและบังคับด้วยหลักฐานที่เด็ดขาดแน่นอน (الدليل القطعي) เช่น อายะฮฺอัลกุรอาน , หะดีษมุตะวาติร หรือ หะดีษมัชฮู๊ร เป็นต้น ผู้ที่ปฏิเสธสิ่งต้องห้าม (หะรอม) ถือว่าตกมุรตัด (วัลอิยาซุบิลลาฮฺ)
ส่วนมักรูฮฺ ตะหฺรีมนั้นผู้ที่ปฏิเสธไม่ถือว่าตกมุรตัด และมักรูฮฺตะหฺรีมนั้นใกล้เคียงกับหะรอมเป็นที่สุด และผู้กระทำมักรูฮฺ-ตะหฺรีมสมควรถูกลงโทษ
2. มักรูฮฺตันซีฮฺ (اَلْمَكْرُوْهُ تَنْزِيهًا) หมายถึง สิ่งที่ผู้วางบัญญัติ (อัช-ชาริอฺ) เรียกร้องให้ละทิ้งสิ่งนั้นโดยมิได้เป็นไปอย่างเด็ดขาดและบังคับ เช่น การกินเนื้อม้าเนื่องจากมีความจำเป็นในยามสงคราม การอาบน้ำละหมาดจากน้ำที่แมวกินเหลือเอาไว้ ตลอดจนการละทิ้งบรรดาสุนัต-มะอักกะดะฮฺทั้งหลาย เป็นต้น
ข้อชี้ขาด (หุกมฺ) ของมักรูฮฺตันซีฮฺ คือ ผู้กระทำไม่จำเป็นต้องถูกลงโทษหรือตำหนิติเตียน แต่การกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ค้านกับสิ่งที่ดีกว่า (خلافالأولى) (อุศูลุลฟิกฮฺ อัล-อิสลามียฺ ดร.วะฮฺบะฮฺ อัซฺซุหัยลียฺ เล่มที่ 1 หน้า 86, อัล-ฟิกฮุ้ล อิสลามีย์ ว่า อะดิลฺละตุฮู เล่มที่ 1 หน้า 53)
والله أعلم بالصواب