ทุกศาสนามีคำสอนว่าด้วยกรอบและขอบเขตของความเป็นศาสนิกชนในศาสนา กล่าวคือ ถ้าเป็นพุทธศาสนิกชนการออกจากหลักไตรสรณคมน์ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็เรียกว่าเป็น ธรรมจาคะ คือร่วงออกจากหลักธรรมของตถาคต ถ้าเป็นนักบวชก็เรียกว่าเป็น อลัชชี ถ้าเชื่อในหลักคำสอนนอกพระพุทธศาสนาก็เรียกว่า เป็นเดียรถีบ้าง เป็นมิจฉาทิฐิบ้าง ศาสนาอิสลามก็มีกรอบเช่นกันในเรื่องนี้ ถ้าบุคคลผู้เป็นมุสลิมแต่เดิมสิ้นสภาพจากการเป็นมุสลิมก็เรียกว่าเป็นผู้ปฏิเสธคำสอนของศาสนา
ส่วนที่ถามมานั้นก็คงไม่รู้จริงอย่างที่ตั้งข้อกังขาไว้นั่นแหล่ะ เพราะกรณีของลูกที่เป็นมุสลิมเปลี่ยนไปเป็นศาสนิกชนอื่นนั้นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่า เปลี่ยนไปด้วยเหตุใด เปลี่ยนไปเพราะพ่อแม่ไม่สนใจที่จะสอนและให้ความรู้ความเข้าใจในศาสนาหรือไม่ ถ้าใช่ ก็แสดงว่าพ่อแม่บกพร่องในหน้าที่ที่จะต้องอบรมสั่งสอนหลักคำสอนของศาสนาให้แก่ลูกเพื่อให้ลูกมีศรัทธาในศาสนา
การบกพร่องในหน้าที่ถือว่าเป็นบาป ไม่ว่าศาสนาไหนๆ ก็ถือว่าการบกพร่องในหน้าที่ทางศาสนาซึ่งมีบัญญัติไว้ย่อมเป็นบาปด้วยกันทั้งสิ้น แต่ถ้าไม่ใช่ คือพ่อแม่พยายามอย่างถึงที่สุดแล้วแต่ลูกก็ยืนกรานที่จะเปลี่ยนศาสนา ข้อนี้อิสลามสอนว่า เมื่อลูกโตแล้วมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์และบรรลุศาสนาภาวะแล้ว สิ่งใดอันเป็นความดีที่ลูกปฏิบัติย่อมส่งผลถึงพ่อแม่ด้วย แต่ความผิดอันใดที่ลูกปฏิบัติโดยเจตจำนงค์เสรีและความตั้งใจของตนโดยที่พ่อแม่ไม่มีส่วนในเหตุแห่งเจตจำนงเสรีนั้น พ่อแม่ก็ย่อมไม่ได้รับผลใดๆ จากบาปนั้น เหตุนี้จึงต้องพิจารณาและใคร่ครวญดูข้อเท็จจริงเสียก่อน จึงค่อยว่ากล่าวตามประเด็นทีเกิดขึ้น เพราะถ้าไม่พิจารณาเสียก่อนก็อาจจะผิดพลาดได้ในสิ่งที่พูดออกมาและส่อว่าผู้พูดไม่รู้จริง!
والله الهادي إلى الرشد والهدى