1.รั้วฮ์ 2.นูรอะลานูร3.กาลีเมาะมุซัรร่อฟะฮ์  (อ่าน 7588 ครั้ง)

Amrung khemthong

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
อัสลามุอลัยกุ้มวะเราะห์มะตุ้ลลอฮิบะวะร่อกาตุ เรียน ถาม อ.อาลี ดังต่อไปนี้ครับ 1.รั้วฮ์ที่อัลเลาะห์ (ซบ.)มาใส่ไว้กับมนุษย์เอามาใส่ไว้ส่วนไหนของมนุย์ 2.นูรอะลานูรที่กุรอ่านกล่าวไว้แปลว่ารัสมีเหนือรัสมีมันเหนืออย่างไรช่วยอธิบายหน่อยครับ3.กาลีเมาะฮ์มุซัรร่อฟะฮ์นั้นมีอยู่4ประการ 1.ทำด้วยลิ้น 2.ทำด้วยหัวใจ 3.ระหว่างลิ้นกับหัวใจ 4.ไม่เกี่ยวกับลิ้นและหัวใจ ถามว่า ไม่เกี่ยวกับลิ้นและหัวใจแล้วมันเกี่ยวกับอะไรครับ ขออัลเลาะห์ตอบแทนคุณงามความดี อ.อาลี และครอบครัว ครับ วัสลาม.

อาลี เสือสมิง

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2179
ตอบ : 1.รั้วฮ์ 2.นูรอะลานูร 3.กาลีเมาะมุซัรร่อฟะฮ์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 24, 2011, 09:34:34 pm »
وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد

1.กะลิมะฮฺ มุชัรเราะฟะฮฺ (كلمةمشرفة) หมายถึงถ้อยคำหรือประโยคอันทรงเกียรติ ที่ยืนยันถึงบรรดาคุณลักษณะและพระนามอันสวยงามและสมบูรณ์หมดจดให้แก่ซ๊าตฺแห่งเอกองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ที่สำคัญก็คือ (سبحان الله والحمدلله ولااله الا الله والله أكبر)และในบรรดาถ้อยคำเหล่านี้ที่สำคัญที่สุดคือ  (لااله الا الله)  


เพราะถ้อยคำ (لااله الا الله)  ถือเป็นถ้อยคำที่ยืนยันถึงการมีและเอกานุภาพของพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) เป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของสรรพสิ่งทั้งปวง และเป็นถ้อยคำที่ผูกพันอยู่กับถ้อยคำอื่นๆ ในการรำลึกถึงพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) เช่น

- لاإله إلا أَنْتَ سُبْحَانَكَ
- أصبحْناوأصبَح المُلكُ لِله والخمدلله لاإله الا الله وحده لاشريك لَهُ
- الله اكبرالله اكبر الله اكبر لااله إلا الله والله أكبر

เป็นต้น


ดังนั้นการรำลึกถึงพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ที่ไม่เกี่ยวกับลิ้นและหัวใจด้วยถ้อยคำอันทรงเกียรติก็คือ
-1 การรำลึกถึงซ๊าตฺของพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ด้วยพระองค์เอง กล่าวคือพระองค์ทรงดำรัสถึงพระองค์เองด้วยคุณลักษณะ (ศิฟะฮฺ) อันสมบูรณ์อันได้แก่ ศิฟะฮฺกะลาม   (صفةالكلام)  ซึ่งบริสุทธิ์จากอวัยวะทั้งปวง

-2 การรำลึกถึงอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ด้วยถ้อยคำอันทรงเกียรติของบรรดาสรรพสิ่งที่เป็นมัคลู๊กทั้งปวง เช่น หิน น้ำ ภูเขา หมู่เมฆ เสียงฟ้าร้อง ต้นไม้ ฯลฯ ซึ่งไม่มีลิ้นและไม่มีหัวใจเหมือนอย่างที่มนุษย์มี โดยถ้อยคำที่สรรพสิ่งเหล่านี้กล่าวสรรเสริญเยินยอพระเกียรติยศของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) เป็นสิ่งที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงรู้ถึงสิ่งเหล่านั้น และพระองค์ทรงพระปรีชาและทรงเปี่ยมด้วยมหิทธานุภาพในการดลบันดาลให้ทุกสรรพสิ่งพูดได้ รำลึกได้โดยไม่ต้องมีลิ้นหรือหัวใจอย่างที่มุนษย์มี!


2.ประโยคที่ว่า (نُوْرٌعَلى نُوْرِ) เป็นส่วนหนึ่งของอายะฮฺที่ 35 จากสูเราะฮฺ อัน-นูร ซึ่งเริ่มต้นอายะฮฺว่า

(الله نور السموات والأرض  مَثَلُ نُوْرِهِ كَمِشكاةٍإلى آخرالآية)  ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษรว่า “รัศมีหนึ่งบนรัศมีหนึ่ง”

นักอรรถาธิบายอัล-กุรอาน (มุฟัซซิรูน) อธิบายนัยของประโยคนี้ไว้แตกต่างกันดังนี้

-1.มุญาฮิดและอัส-สุดดีย์กล่าวว่า : หมายถึงรัศมีของไฟ (จากตะเกียง) และรัศมีของน้ำมัน (มะกอกที่บริสุทธิ์และใสสว่าง) ขณะที่รัศมีทั้งสองรวมเข้าด้วยกัน ทั้งสองก็จรัสแสงและอันหนึ่งจะไม่จรัสแสงด้วยไร้คู่ของมัน เฉกเช่นรัศมีของอัล-กุรอานและรัศมีของอีมาน ขณะที่ทั้งสองรวมเข้าด้วยกัน และจะไม่ปรากฏอันหนึ่งจากทั้งสองนอกจากพร้อมกับคู่ของมัน (ตัฟสีร อัล-กุรอาน อัล-อะซีม , อิบนุกะษีร เล่มที่  3 หน้า 291)


-2 อิบนุอับบาส (ร.ฎ.) กล่าวว่า หมายถึง ความศรัทธาของผู้เป็นบ่าวและการประพฤติของเขา (อ้างแล้ว)


-3 อุบัยยฺ อิบนุ กะอฺบ์ (ร.ฎ.) กล่าวว่า คือผู้ศรัทธาที่พลิกผันในรัศมี 5 ประการ คำพูดของเขาคือรัศมี การประพฤติของเขาคือรัศมี ที่เข้าของเขาคือรัศมี ที่ออกของเขาคือรัศมี และบั้นปลายของเขาสู่รัศมีในวันกิยามะฮฺ สู่สรวงสวรรค์ (อ้างแล้ว)


-4 อัล-กุรฏบียฺ (ร.ฮ.) กล่าวว่า : หมายถึงแสงสว่างของโคมตะเกียงที่อยู่ในช่องทึบของผนังรวมเข้ากับแสงสว่างของกระจกและแสงสว่างของน้ำมัน กลายเป็นรัศมีเหนือรัศมีด้วยสิ่งดังกล่าว (ตัฟสีร อัล-กุรฏบียฺ เล่มที่ 6 ภาคที่ 51 หน้า 4651 (ดารุชชะอฺบ์) ไคโร)


-5 บ้างก็ว่า หมายถึง นบีที่มาจากเชื้อสายของนบีอัฎ-เฎาะหาก กล่าวว่า : อัลลอฮฺทรงเปรียบเปรยอับดุลมุฏเฏาะลิบกับช่องแสงในผนัง (อัล-มิชกาตฺ) , ทรงเปรียบเปรยอับดุลลอฮฺกับกระจก (อัซซุญาญะฮฺ) และทรงเปรียบนบี (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) กับโคมตะเกียงที่มีอยู่ในหัวใจของบุคคลทั้งสอง แล้วนบี (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) ก็สืบความเป็นนบีจากอิบรอฮีม (อ.ล.) บ้างก็ว่าหมายถึง นบีอิบรอฮีม (อ.ล.) แล้วก็นบี (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม)

อัล-กอฎียฺ อบูบักร อิบนุ อัล-อะเราะบียฺ (ร.ฮ.) กล่าวว่า การอรรถาธิบายทำนองนี้ซึ่งเป็นคำกล่าวของนักวิชาการฟิกฮฺ บางคนเป็นเรื่องแปลกและเป็นเบี่ยงเบนออกจากนัยที่ปรากฏชัด (อ้างแล้วหน้า 4655) ชัยคฺ อบูบักร ญาบิรฺ อัล-ญะซาอิริยฺ ได้อรรถาธิบายประโยคนี้ตามข้อที่ (4) ซึ่งเป็นคำอธิบายของอัล-กุรฏบียฺ (อัยสะรุต-ตุฟาสิรฺฯ เล่มที่ 3 หน้า 573 เชิงอรรถ)



3.รัวห์ (رُوْحٌ) ที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงใส่ไว้กับมนุษย์ ถามว่าทรงใส่ไว้ในส่วนไหนของมนุษย์ ก็ตอบได้ว่า รัวะห์  (رُوْحٌ) คือ วิญญาณหรือจิตเป็นการกิจของพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) และพวกเราในฐานะมนุษย์ที่ถูกสร้างมีความจำกัดด้วยผัสสะและมีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่เหนือผัสสะน้อยมาก


เราจึงไม่ควรล่วงละเมิดการกิจของพระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ในเรื่องนี้ ส่วนที่มีตำราบางเล่ม เช่น ตำรา  (دقائق الأخبار) เขียนเอาไว้ว่าวิญญาณเข้าสู่มันสมองของนบีอาดัม (อ.ล.) เป็นเบื้องแรกแล้ววนเวียนอยู่ในมันสมองนั้นเป็นเวลา 200 ปี

ต่อจากนั้นก็เลื่อนลงสู่ตาทั้งสองข้างแล้วก็มองเห็นว่าตนเป็นดินแห้งแล้ววิญญาณก็เคลื่อนมาที่หูก็ได้ยินการตัสบีหฺของบรรดามะลาอิกะฮฺ ต่อมาก็เคลื่อนมาที่โพรงจมูกก็จาม พอจามเสร็จวิญญาณก็เคลื่อนลงมาที่ปากและลิ้นตลอดจนหูทั้ง 2 ข้า  แล้วเคลื่อนลงสู่ภายในท้องแล้วกระจายไปทั่วร่างกายกลายเป็นเลือดและเนื้อ เส้นเลือดและเส้นประสาท ฯลฯ


ที่ว่ามาทั้งหมดเป็นคำกล่าวที่ไม่มีสายรายงานที่ถูกต้องมารับรองจึงไม่ถือเป็นหลักฐานทางศาสนาแต่อย่างใด สิ่งที่เราเชื่อก็คือ มนุษย์ประกอบด้วยสรีระและวิญญาณ ส่วนการลงลึกในรายละเอียดว่าวิญญาณอยู่ตรงส่วนไหนของร่างกายเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องหลีกห่างเพราะท้ายที่สุดแล้วก็จะเข้าข่ายว่าเราพูดในสิ่งที่เราไม่รู้นั่นเอง

والله اعلم بالصواب