ผมอ่านแล้วรู้สึกเหมือน โต้วาทียังไงก็ไม่รู้
คือ ผมพยายามเขียนออกไปให้มันดูไม่แข็งกระด้างแล้วนะ แต่อาจจะมีบางคำหรือบางประโยคที่ไปทำให้อาจารย์รู้สึกว่าผมจะสั่งสอน อันนี้ผมก็ต้องขออภัยอย่างยิ่ง
จริงอยู่ ผมเองก็หาได้แปลภาษาอาหรับหรือมาลายูได้ไม่ แต่ผมไม่ใช่คนที่ทิ้งขว้างหรือถือเอาศาสนาเป็นสิ่งล้อเล่น ผมยังกระหายที่จะเรียนรู้ และพิจารณาด้วยปัญญาที่อัลเลาะห์ทรงประทานให้ แต่ที่ผมไม่ชอบใจก็คือ การพูดไปพาดพิงบรรดา หมู่คณะต่างๆ ในด้านความรู้ของพวกเขา การปฏิบัติของพวกเขา ผมเชื่อว่าการกระทำของคนๆ หนึ่งหรือหมู่คณะใดๆ ก็แล้วแต่ มันต้องมีมูลความรู้ หรือมูลเหตุ จูงใจในการทำสิ่งนั้น หรือนัยยะของมัน โดยเฉพาะในด้านศาสนา ซึ่งเราต่างคนก็เอาจริงเอาจังกัน แต่จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่แต่ละคน
90เปอร์เซ็น ในความรู้ของอาจารย์ที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นด้านใหนก็ตามถ้าผมมีโอกาสได้ฟังหรือได้อ่านผมก็ยังเห็นว่ามันเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต หรือบอกเล่าเก้าสิบกับคนอื่นต่อใด้
ขอยกซักเล็กน้อย “แล้วคุณซาแน่ใจได้อย่างไรว่าที่คุณซาได้ฟังและเรียนรู้ในหลักการอิสลามที่ คุณซาได้ฟังได้เจอได้รู้จักนั้นนะ เป็นคนที่รู้แบบไหนแล้วนำไปปฏิบัติหรือไม่?” เราดำเนินชีวิตอยู่ด้วยกับการยึดมันศรัทธา นั่นหมายความว่ามันเป็นความเชื่อ ซึ่งแต่ละหมู่คณะก็มีแนวทาง และเป้าหมายก็เพื่อให้อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง และยิ่งกว่า... จากประโยคถามกลับของอาจารย์ ผมมั่นใจว่าครูที่ผมศึกษาด้วยไม่ใช่คน.......ขอโทษด้วยจริงๆครับไม่ได้จะว่าแต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง.....ไม่ใช่คนที่พูดหรือบรรยายเพื่อเกียติยศชื่อเสียง เพราะปรกติก็ไม่ได้มีชื่อเสียงเรียงนามสักเท่าไรอยู่แล้ว
แต่ผมขอถามกลับด้วยคำถามเดียวกันนี้ว่า “แล้วคุณซาแน่ใจได้อย่างไรว่าที่คุณซาได้ฟังและเรียนรู้ในหลักการอิสลามที่ คุณซาได้ฟังได้เจอได้รู้จักนั้นนะ เป็นคนที่รู้แบบไหนแล้วนำไปปฏิบัติหรือไม่?” ถ้าคุณซาตอบว่าแน่ใจเพราะคุณซามีเหตุผลมายืนยันในความแน่ใจของตน คำตอบของผมก็คงไม่ต่างจากคุณซา ก้อถ้าอาจารย์แน่ใจแบบนั้นผมก็คงหมดคำพูด แต่ผมยังยืนยันว่าคนที่กระทำโดยขาดความรู้อย่างแท้งจริงนั้นมีอยู่มากในสังคมพูดเฉพาะอั้ลอิสลาม พุ่งเป้าไปที่อิบาดะห์ที่ฮุก่มซะเราะห์เห็นว่าผิด ขอยกสิ่งที่อาจารย์ได้พูดในงานบรรยายแห่งหนึ่งคือ “ละหมาดโดยทิ้งฮู่ก่มซาเราะ และเรื่องซิกรุ้ลเลาะห์” ผมไม่ได้บอกว่าอาจารย์พูดพิดนะครับ แต่ผมคิดว่า คนที่อาจารย์รู้จักทำนะไม่ถูกเนื่องด้วยไม่รู้จริง รึเปล่า เมื่ออาจารย์ไปถาม กลับได้คำตอบที่ไม่กินกับปัญญาของอาจารย์
“เหตุนี้แหล่ะเขาถึงบอกว่าให้พิจารณาสิ่งที่เขาพูด มิใช่พิจารณาว่าผู้พูดเป็นใคร” ที่ผมเขียนกระทู้ไปนั่น ผมไม่ได้พิจรณาที่ตัวอาจารย์หรอก
ก่อนจบ ผมคิดว่า คนสมัยก่อนคิดรวม แต่คนรุ่นใหม่คิดแยก ผมว่าคงตามยุคสมัยกระมัง เพราะว่า คนสมัยนี้มุ่งแต่เรียนแล้วทำงานจะให้มานั่งเรียนกันเป็นวันๆ แบบคนสมัยก่อนคงไม่ใช่เรื่องง่าย วันหนึ่งละหมาดได้ครบ 5 เวลาก็ถือว่าดีถมไปแล้ว เสมือนกับต้นไม้ ที่มี แก่น เปลือก ใบ คนสมัยก่อนเขาเรียนจนความรู้แตกออกเป็นใบ แต่เดี๋ยวนี้ผมว่าให้มันกลับไปเหลือแต่แก่นนะดีแล้ว
ทั้งมวลที่ผมได้เขียน ประสงค์แค่ไม่ต้องการให้เกิดการพาดพิง ไปถึงคน หรือหมู่คณะ ใดๆ ให้ทะเลาะกัน ใครหรือหมู่คณะใดจะมีรูปแบบในอิบาดะห์ หรือวงซิเกร แบบใหนก็ว่ากันไป นั่นคงไม่ใช่เพื่ออื่นใดเว้นแต่หวัง ความดี บารอกะห์ เนี๊ยอฺมะห์จากพระผู้ทรงเอกะ แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องร่วมมือช่วยเหลือกันไม่ว่าจะหมู่คณะใหนๆ ก่ออย่าให้เกิดความแตกแยก ผมว่าก็จะเป็นการดีกว่าเป็นแน่ ผมอยากให้สังคมอิสลามเกิดความแตกแยกเหมือน ณ ปัจจุบัน
ขอจบเลยละกัน ขอให้อาจารย์และตัวกระผมได้รับฮุซนุ้ลคอติมะห์ วัสสลาม