الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد
คงต้องพิจารณาในข้อรายละเอียดเสียก่อน ดังนี้
1.สิ่งของที่หลุดจำนำนั้นเป็นสิ่งที่ศาสนาอนุญาตให้ซื้อขายได้หรือไม่
2.เมื่อสิ่งของนั้นเป็นสิ่งที่อนุญาตให้ซื้อขายได้ก็ให้พิจารณาว่ามีองค์ประกอบในเงื่อนไขข้ออื่นครบถ้วนหรือไม่ เช่น มีตัวสินค้าปรากฏอยู่ในขณะที่ทำข้อตกลงซื้อขาย รู้ราคาและสามารถนำส่งถึงมือลูกค้าได้ และผู้ที่ขายมีอำนาจในการขายจะด้วยการปกครองหรือการมีกรรมสิทธิครอบครองก็ตาม เป็นต้น
3.เมื่อครบองค์ประกอบและเงื่อนไขที่ว่ามาทีนี้ก็ต้องรู้รายละเอียดจากทางโรงรับจำนำในกรณีของสิ่งที่หลุดจำนำนั้นว่าผู้จำนำทำข้อตกลงยินยอมในการให้ทางโรงรับจำนำทำการขายสิ่งของที่รับจำนำ ในกรณีครบกำหนดการไถ่ของคืนแต่ผู้จำนำไม่สามารถในการจ่ายเงินเพื่อไถ่คืนได้หรือไม่ ถ้ามีข้อตกลงที่ว่านี้ก็ซื้อได้เลยตามทัศนะที่เศาะฮีหฺในมัซฮับ อัช-ชาฟีอียฺ
แต่ถ้าถือตามทัศนะที่อะเศาะหฺ (ถูกต้องที่สุด) ก็จำต้องมีผู้จำนำร่วมรับรู้อยู่ด้วยในขณะที่ซื้อขายของที่หลุดจำนำนั้น เพราะถ้าหากทางโรงรับจำนำขายของที่หลุดจำนำนั้นในขณะที่ผู้จำนำไม่อยู่ร่วมด้วยก็ถือว่าการขายนั้นใช้ไม่ได้ตามทัศนะที่ถูกต้องที่สุด (อัล-ฟิกฮุล มันฮะญียฺ เล่มที่ 7 หน้า 131)
ซึ่งกรณีนี้แหล่ะที่สุ่มเสี่ยงในการซื้อขายของที่หลุดจำนำมาจากผู้รับจำนำหรือโรงรับจำนำในบ้านเรา ซึ่งไม่ได้ถือหลักการทำธุรกรรมตามข้อบัญญัติในศาสนาอิสลาม ดังนั้นถ้าโรงรับจำนำไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อนี้ ผู้ซื้อก็มีสิทธิเลือกใช้ทัศนะที่ถูกต้อง (เศาะฮีหฺ) ในมัซฮับซึ่งไม่ได้กำหนดว่าขณะซื้อขายของที่หลุดจำนำนั้นจะต้องมีผู้จำนำ (เจ้าของ) ร่วมปรากฏอยู่ด้วย การซื้อขายของที่หลุดจำนำตามทัศนะนี้ก็ย่อมกระทำได้ครับ แต่ถ้าเห็นว่ายุ่งยากก็เลี่ยงเสียดีกว่าครับ
الله أعلم بالصواب