ร่วมหลับนอนกับภรรยา ด่วน  (อ่าน 4766 ครั้ง)

อยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
ร่วมหลับนอนกับภรรยา ด่วน
« เมื่อ: มกราคม 25, 2012, 02:41:48 pm »
สลามครับ อ.อาลี หญิงคนหนึ่งมีประจำเดือนไป6วันแล้วหญิงคนนั้นก็อาบน้ำยกฮาดัษซึ่งหญิงคนนั้นนึกว่าเลือดหมดแล้วเพราะวันที่6เลือดไม่มาหลังจากนั้นก็ร่วมหลับนอนกับสามีพร้อมกับละหมาดซุบฮิแล้วตกกลางวันเลือดประจำเดือนก็มาอีกเล็กน้อยถาม อ.ว่าฮุก่มศาสนาว่าอย่างไรบ้างต้องทำอย่างไรขอหลักฐานด้วยครับขอบคุนมากครับ

อาลี เสือสมิง

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2179
ตอบ : ร่วมหลับนอนกับภรรยา ด่วน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 23, 2012, 03:50:29 pm »
وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد

หากตามปกติของทุกเดือน หญิงคนนี้มีประจำเดือน 6 วัน ก็ให้ถือเอาจำนวน 6 วันเป็นเกณฑ์ในการกำหนดช่วงเวลาการมีรอบเดือนของนาง เมื่อมีรอบเดือนครบ 6 วันตามปกติแล้วก็ให้อาบน้ำยกหะดัษใหญ่และละหมาดได้ตามปกติ  แต่ในกรณีที่ถามมาปรากกว่ามีเลือดประจำเดือนมาอีกในวันที่ 7 ซึ่งเป็นไปได้ว่านั่นคือเลือดประจำเดือนเพราะยังอยู่ในช่วง 6-7 วันตามปกติของการมีรอบเดือน และไม่ถือเป็นเลือดเสีย (อิสติหาเฏาะฮฺ) เพราะยังไม่เลยระยะเวลาการมีรอบเดือนมากสุด 15 วัน จึงให้น้ำหนักได้ว่าเลือดที่มีมาในวันที่ 7 ยังคงเป็นเลือดประจำเดือน ซึ่งทำให้นางยังคงมีสภาพของสตรีที่มีรอบเดือนอยู่ (คือยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เกลี้ยง)


การละหมาดศุบหิของนางจึงใช้ไม่ได้ แต่ไม่เกิดโทษและไม่ต้องเกาะฎอชดใช้ เพราะถือว่าในวันนั้นยังอยู่ในช่วงเวลาของการมีรอบเดือนอยู่ เหตุที่การละหมาดศุบหิของนางใช้ไม่ได้ แต่ไม่เกิดโทษเพราะเป็นการกระทำที่ไม่ได้มีเจตนาฝ่าฝืน หากแต่เป็นการกระทำบนพื้นฐานที่เข้าใจว่าหมดรอบเดือนแล้วตามปกติ


ในทำนองเดียวกันการร่วมหลับนอนของสามีกับนางก็ไม่มีโทษแต่อย่างใด เพราะมิได้กระทำบนพื้นฐานของการมีเจตนาจะฝ่าฝืน หากแต่กระทำไปบนความเข้าใจว่าเป็นช่วงเวลาที่อนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ


หลักฐานในเรื่องนี้คือนักวิชาการระบุว่า : และผู้ใดกระทำการลงไป (มีเพศสัมพันธ์) ในสภาพที่ไม่รู้ว่ามีเลือดประจำเดือนหรือไม่รู้ว่าเป็นที่ต้องห้าม หรือเผลอลืมไป หรือถูกบังคับก็ย่อมไม่มีบาปอันใดเหนือผู้นั้นและไม่จำเป็นต้องเสียค่าปรับ (กัฟฟาเราะฮฺ) ใดๆ เนื่องจากมีหะดีษของอิบนุ อับบาส (ร.ฎ.) ระบุว่า แท้จริงนบี (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า

إنَّ اللهَ تَجَاوَزَعَنْ أُمَّتِىْ الْخَطأَوَالنِّسْيَا نَ وَمَا اسْتُكْرِهُوْاعَلَيْهِ

“แท้จริงอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงมิถือเอาเป็นความผิดแก่ประชาชาติของฉันซึ่งการผิดพลาด , การหลงลืม และสิ่งที่พวกเขาถูกบังคับขืนใจให้กระทำสิ่งนั้น”
(หะดีษ หะสัน รายงานโดย อิบนุ มาญะฮฺ และอัล-บัยฮะกียฺ)

(จากกิตาบ อัล-มัจญมูอฺ ชัรหุ้ลมุฮัซซับ ; อัน-นะวาวียฺ เล่มที่ 2 หน้า 390)

والله أعلم بالصواب