الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد
นักวิชาการที่มีทัศนะว่าการกระทบผู้หญิงไม่ทำให้เสียน้ำละหมาดซึ่งมีรายงานจาก อิบนุ อับบาส , อะฏออฺ ฏอวุส , มัสรู๊ก , อัล-หะสัน , สุฟยาน อัษเษาวฺรียฺ และอบูหะนีฟะฮฺ (ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุม) อาศัยหลักฐานจากหะดีษของหะบีบ อิบนุ อบีษาบิตฺ จากอุรวะฮฺ จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) ว่า :
“แท้จริงท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้จุมพิตภรรยาบางคนของท่านแล้วต่อมาท่านก็ออกไปละหมาดโดยไม่ได้อาบน้ำละหมาด”
และจากอบี เราวฺกิน จากอิบรอฮีม อัตตัยมียฺ จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) ว่า
“แท้จริง ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) เคยจุมพิตภายหลังการอาบน้ำละหมาด ต่อมาท่านก็ไม่ได้กลับมาอาบน้ำละหมาดใหม่”
นักวิชาการฝ่ายที่ถือว่าการกระทบผู้หญิงทำให้เสียน้ำละหมาดในกรณีที่ไม่มีสิ่งใดปิดกั้น ซึ่งตามทัศนะฝ่ายนี้ ท่านอุมัร อิบนุ อัล-คอฏฏอบ , อับดุลลอฮฺ อิบนุ มัสอู๊ด , อับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร , ซัยดฺ อิบนุ อัสลัม , มักหู๊ล , อัช-ชะอฺบียฺ , อัน-นะเคาะอียฺ , อะฏออฺ อิบนุ อัส-สาอิบฺ อัซ-ซุฮฺรียฺ , ยะหฺยา สะอีด อัล-อันศอรียฺ , เราะบีอะฮฺ และ สะอีด อิบนุ อับดิลอะซีซฺ ตลอดจนเป็นหนึ่งในสองริวายะฮฺจากอัล-เอาวฺซาอียฺ
นักวิชาการฝ่ายนี้ซักค้านว่า หะดีษของหะบีบ อิบนุ อบีษาบิตฺ เป็นหะดีษเฎาะอีฟด้วยมติเห็นพ้องว่าบรรดานักท่องจำหะดีษ ส่วนหนึ่งที่ระบุว่าเป็นหะดีษเฎาะอีฟคือ สุฟยาน อัษเษาวฺรียฺ , ยะห์ยา อิบนุ สะอีด อัล-ก็อฏฏ็อน , อะหฺมัด อิบนุ หั่มบัล , อบูดาวูด , อบูบักร อัน-นัยสาบูรียฺ , อบุลหะสัน อัดดาเราะกุฏนียฺ , อบูบักรฺ อัล-บัยฮะกียฺ และท่านอื่นๆ จากนักวิชาการรุ่นก่อนและรุ่นหลัง
ทั้งนี้อิมาม อะหฺมัด และอบูบักร อัน-นัยสาบุรียฺและท่านอื่นๆ กล่าวว่า หะบีบผิดพลาดจากการจุมพิตของผู้ถือศีลอดไปเป็นจุมพิตในเรื่องอาบน้ำละหมาด และสุฟยาน อัษ-เษาวฺรียฺ กล่าวว่า หะบีบไม่ได้เล่าหะดีษแก่เรานอกจากเล่าจาก อุรวะฮฺ อัล-มุซะนียฺ หมายความว่า มิได้เล่าจาก อุรวะฮฺ อิบนุ อัซ-ซุบัยฺร์ และอุรวะฮฺ อัล-มุซะนียฺ เป็นบุคคลนิรนาม (มัจญ์ฮู้ล)
หะดีษที่ถูกต้องจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) คือ “ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) เคยจุมพิตในสภาพที่ท่านถือศีลอด” แต่ถ้าหะดีษของหะบีบนี้เศาะฮีหฺก็ตีความได้ว่าเป็นการจุมพิตเหนือสิ่งปกปิดกั้น (เช่น ผ้าปิดหน้า) เพื่อเป็นการรวมบรรดาหะดีษเข้าด้วยกัน
ส่วนหะดีษของอบี เราวฺกิน นั้น ยะหฺยา อิบนุ มะดีน และนักวิชาการท่านอื่นๆ ถือว่าเฎาะอีฟ และอิบรอฮีม อัต-ตัยมียฺนั้นไม่เคยได้ยินหะดีษจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ (ร.ฎ.) ทำให้หะดีษนี้เป็นหะดีษเฎาะอีฟฺ มุรสัล (กิตาบ อัล-มัจญมูอฺ ชัรหุลมุฮัซซับ เล่มที่ 2 หน้า 36-37)
ส่วนฮาดิษของท่านอุมัร อิบนุ อัล-ค็อฏฏ็อบ (ร.ฎ.) นั้น รายงานโดยมาลิก จากอิบนุ ชิฮ๊าบฺ จากสาลิม อิบนิ อับดิลลาฮฺ อิบนิ อุมัร จากบิดาของเขา (คือ ท่านอุมัร (ร.ฎ.)) กล่าวว่า
“การที่ผู้ชายจุมพิตภรรยาของตนและจับต้องนางด้วยมือเป็นส่วนหนึ่งจากการกระทบ (มุลามะสะฮฺ) ฉะนั้น ผู้ใดจุมพิตภรรยาของตน หรือสัมผัสจับต้องลูกคลำนางด้วยมือของเขา ผู้นั้นจำต้องอาบน้ำละหมาด”
หะดีษบทนี้มีสายรายงานที่เศาะฮีหฺเป็นที่สุด ซึ่งอิมาม มาลิก (ร.ฮ.) และอิมาม อัช-ชาฟิอียฺ (ร.ฮ.) ตลอดจนสานุศิษย์จากท่านทั้งสองได้อ้างเป็นหลักฐานในเรื่องการกระทบภรรยาทำให้เสียน้ำละหมาด (อ้างแล้ว 2/36)
والله أعلم بالصواب