สารบัญปัญหาคาใจ > หมวด : อัล-กุรอาน และ อัล-หะดีษ

สถานะของหะดีษบทนี้ (อ่านยาซีน)

(1/1)

คน ดี:
salam
จากมะกิลอบินยะซาร ร.ด. ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวว่าได้กล่าวว่าหัวใจของอัลกุรอานคือยาซีนไม่มีผู้ใดที่อ่านยาซีนโดยมุ่งหวังต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.)และภพสุดท้ายนอกจาอัลลอฮฺ(ซ.บ.)จะให้อภัยแก่เขา จงอ่านยาซีนเหนือคนใกล้ตาย(คนตาย)ของท่าน
รายงานโดย อะหมัด บัยฮะกี
ผมอยากทราบว่าสถานะของหะดีษบทนี้เป็นอย่างไร บางคนบอกว่าเมาดั๊วอฺบ้าง ฎออีฟบ้าง หะซันบ้าง ศอเฮี๊ยะบ้าง
ขอหลักฐานด้วยว่าตรงไหนที่เป็นแบบนี้

อาลี เสือสมิง:
وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد

อิมาม อะหฺมัด , อบูดาวูด , อัน-นะสาอียฺ , อิบนุมาญะฮฺ มุฮัมมัด อิบนุ นัศฺร์ , อิบนุ หิบบาน , อัฏ-เฏาะบะรอนียฺ , อัล-หากิม และอัล-บัยฮะกียฺ ในชุอับ อัล-อีมาน บันทึกจากมะอฺกิลฺ อิบนิ ยะส๊ารฺ (ร.ฎ.) ว่าแท้จริงท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า :

\"يسى قَلْبُ الْقُرآنِ , لَايَقْرَأُ هَاعَبْدٌيُريْدُ اللهَ وَالدَّارَالآخرةَ إلَّا غُفِرَله مَا تَقَدَّ مَ مِنْ ذَنْبهِ , فَاقْرَأُوهَا على مَوْتَاكُمْ\"

“(สูเราะฮฺ) ยาสีน คือ หัวใจของอัล-กุรอาน ไม่มีบ่าวคนใดอ่านสูเราะฮฺยาสีนโดยมุ่งหวังต่ออัลลอฮฺและสถานสุดท้าย (อาคิเราะฮฺ) นอกเสียจากสิ่งที่ผ่านพ้นมาก่อนจากบาปของบ่าวผู้นั้นถูกอภัยแก่เขาแล้ว ดังนั้น พวกท่านจงอ่านสูเราะฮฺยาสีนแก่คนตายทั้งหลายของพวกท่าน”

(อัดดุรฺ มันษูรฺ ฟี อัตตัฟสีร อัล-มะษูรฺ ; อิมามญะลาลุดดีน อัส-สุยูฏียฺ เล่มที่ 7 หน้า 37 ดารุ้ลฟิกริ)


อัล-หะดีษบทนี้ อิมามอะหฺมัด รายงานไว้ในมุสนัดของท่าน (เล่มที่ 5 หน้า 661 หะดีษเลขที่ 19789) ปรากฏว่าในสายรายงานระบุว่า “จากชายคนหนึ่งจากบิดาของเขา จาก มะอฺกิ้ล อิบนิ ยะส๊ารฺ (ร.ฎ.)”

ท่านอัล-ฮาฟิซ นูรุดดีน อะลี อิบนุ อบีบักรฺ อัล-ฮัยษะมียฺ (ร.ฮ.) จึงระบุว่า : ในสายรายงานมีผู้รายงานที่ไม่ถูกออกชื่อเอาไว้ และผู้รายงานคนอื่นๆ (ริญาล อัส-สะนัด) เป็นผู้รายงานที่เศาะฮีหฺ  

ส่วนอัฏ-เฏาะบะรอนียฺ ก็รายงานเอาไว้และทำให้ผู้ที่ไม่ถูกออกชื่อ (มุบฮัม) ตกไป (ดู มัจญ์มะอฺ อัซ-วะวาอิดฺ ว่า มัมบะอฺ อัล-ฟะวาอิด , เล่มที่ 6 หน้า 311

(กิตาบ อัต-ตัฟสีร) สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ)


อัล-หะดีษบทนี้ตามสายรายงานของอิมามอะหฺมัด (ร.ฮ.) จึงเป็นอัล-หะดีษ อัล- มุบฮัมฺ หมายถึง หะดีษซึ่งในสายรายงานมีผู้รายงานที่ไม่ถูกออกชื่อเอาไว้อย่างชัดเจน อัล-บัยกูนียฺ กล่าวว่า

(وَمُبْهَمٌ مَافِيْهِ رَاوٍلَمْ يُسَمَّ)

“และ (หะดีษ) มุบฮัมฺคือ สิ่งที่ในมันนั้นมีผู้รายงานที่ไม่ถูกออกชื่อ” และหุกม์ (ข้อชี้ขาด) ของหะดีษมุบฮัมก็คือ ไม่เป็นที่ยอมรับจนกว่าผู้ที่รายงานจากบุคคลนิรนามนั้นจะระบุชื่ออย่างชัดเจน หรือชื่อของบุคคลนิรนามถูกรู้ได้ด้วยการรายงานจากสายรายงานอื่นที่ออกชื่อผู้นั้นเอาไว้อย่างชัดเจน (ตัยสีร มุสเฏาะละห์ อัล-หะดีษ ดร.มะหฺมู๊ด อัฏ-เฏาะห์หานฺ หน้า 121)


ดังนั้นอัล-หะดีษบทนี้จึงเป็น หะดีษเฎาะอีฟ (อ่อน) ส่วนสาเหตุที่มีการระบุว่าหะดีษนี้เป็นหะดีษเศาะฮีหฺบ้าง หะสันบ้าง เฎาะอีฟบ้าง เมาวฺฎูอฺบ้างนั่นก็เป็นผลมาจากหลายสาเหตุ เช่น ถือตามการชี้ขาดของอัล-หากิม ในอัล- มุสตัดร็อกว่าเป็นหะดีษเศาะฮีหฺ แต่อัล-หากิมก็เป็นที่รู้จักกันดีว่าไม่เข้มงวดในเรื่องการตัศหีหฺหะดีษ


ส่วนที่ถือว่าหะดีษนี้เป็นหะดีษหะสันก็เพราะเห็นว่ามีหะดีษที่ระบุถึงความประเสริฐของสูเราะฮฺยาสีนเป็นจำนวนมากมาสนับสนุนด้วยสายรายงานอื่น ก็ทำให้หะดีษนี้น่าจะยกระดับสถานะขึ้นไปเป็นหะดีษหะสัน ลิ ฆ็อยริฮี


ส่วนที่ชี้ขาดว่าเป็นหะดีษเมาวฺฎออฺก็อาจจะวิเคราะห์สายรายงานอื่นของหะดีษเกี่ยวกับความประเสริฐของยาสีนซึ่งมีสำนวนของตัวบทที่แตกต่างจากตัวบทของหะดีษที่ถามมาแต่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน เช่น

إِنَّ لِكُلِّ شَىْءٍقَلْبًا , وَقَلْبُ الْقُرآنِ يس , ومَنْ قَرَأَهَا كَتَبَ اللهُ لَهُ بَقِرَاءَتِهَا قِرَاءَةَ ألقُرآنِ عَشْرَمَرَّاتٍ

“แท้จริงสำหรับทุกสิ่งนั้นมีหัวใจ และหัวใจของอัล-กุรอานคือ ยาสีน และผู้ใดอ่านสูเราะฮฺยาสีน อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงบันทึกให้แก่ผู้นั้นด้วยการอ่านสูเราะฮฺยาสีนการอ่านอัล-กุรอาน 10 ครั้ง (จบ)”

หะดีษนี้รายงานโดยอัด-ดาริมียฺ และอัตติรมิซียฺ จากท่านอนัส (ร.ฎ.) และอัต-ติรมีซียฺกล่าวว่า เฆาะรีบฺ บ้างก็ว่าในสายรายงานมีฮารูน อิบนุ มุฮัมมัด ซึ่งอ่อนเพราะไม่เป็นที่รู้จัก

(กัชฟุล เคาะฟาอฺ อัล-อัจญุลูนียฺ เล่มที่ 1 หน้า 269 หะดีษเลขที่ 709)


ในหนังสือ สิลสิละฮฺ อัล-อะหาดีษ อัฎ-เฎาะอีฟะฮฺ วัล เมาวฺฎูอะฮฺ ของ ชัยคฺ อัล-อัลบานียฺ เล่มที่ 1 หน้า 312 หะดีษเลขที่ 169 อ้างหะดีษบทนี้แต่ตอนท้ายใช้สำนวนว่า

\".....مَنْ قَرَأَهَا فَكَأَ نَّمَا قَرَأَ الْقُرآنَ عَشْرَمَرَّاتٍ

“ผู้ใดอ่านสูเราะฮฺยาสีนก็ประหนึ่งดังว่าผู้นั้นอ่านอัล-กุรอาน 10 ครั้ง (จบ)”
โดยระบุว่าเป็นหะดีษเมาวฺฎูอฺ บันทึกโดย อัต-ติรมีซียฺ (4/46) และอัด-ดาริมียฺ (2/456) จากสายรายงาน หะมีด อิบนุ อับดิรเราะหฺมาน จาก อัล-หะสัน อิบนิ ศอลิหฺ จาก ฮารูน อบี มุฮัมมัด จากมุกอติล อิบนิ หัยยานฺ จากเกาะตาดะฮฺ จากอะนัส (ร.ฎ.) เป็นหะดีษมัรฟูอฺ


แล้วชัยคฺ อัล-อัลบานียฺก็วิเคราะห์สายรายงานโดยละเอียด และกล่าวถึงสำนวนและรายชื่อของบุคคลที่ปรากฏอยู่ในสายรายงานที่คลาดเคลื่อน ซึ่งทั้งหมดไม่ได้พูดถึงสายรายงานของหะดีษบทที่ถามมาซึ่งรายงานจากมะอฺกิ้ล (ร.ฎ.) จึงเป็นไปได้ว่า


ผู้ที่ชี้ขาดหะดีษบทที่ถามมาเป็นหะดีษเมาวฺฎูอฺก็คงจะได้อ่านจากหนังสือของชัยคฺ อัล - อัลบานียฺโดยมีตัวบทที่มีสำนวนคล้ายกันแต่เป็นคนละสายรายงานของหะดีษมะอฺกิ้ล (ร.ฎ.) ซึ่งจริงๆ แล้วหะดีษของมะอฺกิ้ล (ร.ฎ.) ที่ถามมานั้นเป็นหะดีษเฎาะอีฟ (อ่อน) มิใช่หะดีษเมาวฺฎูอฺแต่อย่างใด ทั้งหมดจึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมจึงระบุสถานภาพของหะดีษบทนี้ไม่เหมือนกัน

والله أعلم بالصواب

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

Go to full version