الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد
รถหนีภาษีก็แสดงว่าเป็นรถที่หลบเลี่ยงการเสียภาษีตามกฏหมาย และการหนีภาษีจะด้วยวิธีการจงใจหรืออาศัยช่องโหว่ของกฏหมายเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดอัตราภาษีตามข้อเท็จจริงถือเป็นการฉ้อฉลและทุจริต รถเป็นทรัพย์สิน เมื่อทรัพย์สินได้มาด้วยวิธีการที่มิชอบ การครอบครองและใช้สอยรถหนีภาษีจึงเป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม)
มุสลิมต้องปฏิบัติตามกฏหมายในสิ่งที่ไม่ขัดต่อหลักศาสนบัญญัติ เมื่อกฏหมายว่าด้วยการเสียภาษีนำเข้ารถยนต์เป็นสิ่งที่ไม่ขัดด้วยหลักศาสนบัญญัติ มุสลิมก็ต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด ไม่ทุจริตหรือใช้วิธีการฉ้อฉลโดยอาศัยช่องโหว่ของกฏหมายเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง
รถยนต์ส่วนบุคคลที่เรียกว่า รถซุปเปอร์คาร์หรือรถนอกราคาแพง หากเสียภาษีนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฏหมายอาจจะมีราคาแพงถึง 30 ล้านบาท เพราะมีอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ทั้งคันมากถึง 200 - 300% แต่ถ้าถอดชิ้นส่วน เช่น ถอดล้อ ก็กลายเป็นการเล่นแร่แปรธาติที่อาศัย ช่องโหว่ทางกฏหมายกลายเป็นสินค้าประเภทจดประกอบชิ้นส่วน แล้วเข้าสู่โรงงานประกอบมีการจดทะเบียนแบบหลอกเจ้าพนักงานทำให้อัตราภาษีที่เสียเหลืออยู่เพียง 5 - 7 ล้านบาท ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในการสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษี
เมื่อรัฐเป็นรัฐของเรา และเราในฐานะเป็นมุสลิมก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐก็ย่อมส่งผลกระทบถึงเราด้วย ศาสนาได้บัญญัติเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “ไม่มีการประทุษร้ายและไม่มีการประทุษร้ายตอบ” لاضَرَرَ ولاضِرَارَ มุสลิมจึงต้องหลีกห่างจากวงจรทุจริตดังกล่าว
การที่มีมุสลิมบางส่วนใช้รถหนีภาษีจึงเป็นสิ่งต้องห้ามตามศาสนบัญญัติ และสิ่งใดที่เป็นที่ต้องห้ามแล้ว การกระทำสิ่งต้องห้ามของมุสลิมไม่ว่าพวกเขาจะมีจำนวนมากเพียงใดก็ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งต้องห้ามมาเป็นสิ่งที่อนุมัติได้ การตัดสินความถูกผิดจึงอยู่ที่หลักศาสนบัญญัติเป็นมาตรฐาน มิใช่ตัดสินด้วยการกระทำของมุสลิมบางคนหรือตัดสินด้วยค่านิยมผิดๆ ที่ว่า “ใครๆ ก็ทำกัน”
والله اعلم بالصواب