การตัดขนคื้วสำหรับผู้ชาย

[ซูล]

 
การ ตัด โกน กัน ขนคื้วสำหรับผู้ชายเป็นที่อนุมัติหรือไม่

[อาลี เสือสมิง]

وعليكم السلام ورحمة الله و بركاته
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد

      มีรายงานจากท่านอิบนุ มัสอู๊ด (ร.ฎ.) ว่า

لَعَنَ اللهُ الوَشِمَاتِ وَألمُسْتَوْشِمَاتِ وَالنَّامِصَاتِ وَالمُتَنُمِّصَاتِ وَالْمُتَفَلِّجَاتِ لِلْحُسْنِ  ,
ألمُغَيِّراتِ خَلْقَ اللهِ ........الحديث

ความว่า “พระองค์อัลลอฮฺทรงสาปแช่งบรรดาหญิงที่เป็นผู้สัก บรรดาหญิงที่ร้องขอให้สัก บรรดาหญิงที่เป็นผู้ขจัดขนคิ้ว (หรือขนที่ใบหน้า) บรรดาหญิงที่ใช้ให้ผู้อื่นขจัดขนคิ้ว (หรือขนที่ใบหน้าของตน) และบรรดาหญิงที่ให้ฟันของนางห่างกัน เพื่อความสวยงามเป็นบรรดาหญิงที่เปลี่ยนแปลงการสร้างของอัลลอฮฺ (ซ.บ.)...” อัล-หะดีษ (บันทึกพ้องกันโดยอัล-บุคอรียฺและมุสลิม)


      อิมามอัน-นะวาวียฺ (ร.ฮ.) อธิบายความหมายของคำว่า อัน-นามิเศาะฮฺ  (النَّا مِصَة) คือ

هِىَ أَلتِىْ تَأْخُذُمِنْ شَعْرِحَاجِبِ غَيْرِهَا , وتُرَقِّقُهُ لِيَصِيْرَحَسَنًا

      “คือหญิงที่เอา (กัน-โกน-ตัดแต่ง) ส่วนหนึ่งจากขนคิ้วของหญิงอื่น และทำให้คิ้วนั้นบางเพื่อให้กลายเป็นสิ่งสวยงาม”


และคำว่า อัล-มุตะนัมมิเศาะฮฺ (الْمُتَنَمِّصَةُ) หมายถึง “หญิงที่ใช้บุคคล (อื่น) ให้กระทำสิ่งดังกล่าวกับนาง” อิมามอัน-นะวาวียฺ (ร.ฮ.) ระบุเฉพาะกรณีของขนคิ้วในตำราริยาฏุศศอลิหิน แต่ในตำราชัรหุมุสลิมท่านให้ความหมายกว้างๆ ว่า “คือหญิงที่ขจัดขนออกจากใบหน้า” การกระทำนี้เป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม) ยกเว้นเมื่อผู้หญิงมีเคราหรือหนวดขึ้นการขจัดเคราหรือหนวดของนางก็ไม่เป็นที่ต้องห้าม แต่เป็นสิ่งที่ส่งเสริม (มุสตะหับ) ในทัศนะของมัซฮับอัช-ชาฟิอียฺ และการห้ามนี้เป็นการห้ามในกรณีของขนคิ้วและขนที่ขึ้นอยู่ในบรรดาส่วนปลายของใบหน้าเท่านั้น (ดะลีลุลฟาลิหิน ลิ ฏุรุก ริยาฏิศศอลิหิน ; มุฮัมมัด อิบนุ อัล-ล๊าน เล่มที่ 4 หน้า 428 สำนักพิมพ์ดารุลกุตุบอัล-อิลมียะฮฺ (เบรุต) 2000)



      ส่วนดร.อบูสะรีอฺ มุฮัมมัด อับดุลฮาดียฺ อธิบายความหมายของอัน-นามิเศาะฮฺว่า หมายถึงหญิงที่ถอนขนจากคิ้วของนาง และอัล-มุตะนัมมิเศาะฮฺ หมายถึงหญิงที่ขนคิ้วของนางถูกถอนด้วยการใช้ของนาง ดร.อบูสะรีอฺ กล่าวว่าในกรณีของหญิงที่ทำให้ขนคิ้วบางเพื่อความสวยงามสำหรับสามีของนางนั้นไม่เป็นอะไร ส่วนการถอนขนคิ้วและทำให้คิ้วบางซึ่งมีเป้าหมายในการอวดความสวยงามของหญิงต่อหน้าคนอื่นที่มิใช่สามีนั้นเป็นที่ต้องห้าม (อะหฺกาม อัฏ-เฏาะฮาเราะฮฺ อะลัล มะซาฮิบ อัล-อัรฺบะอะฮฺ ; ดร.อบูสะรีอฺ มุฮัมมัด อับดุลฮาดียฺ หน้า 65)



      แต่อิมามอัฏ-เฏาะบะรอนียฺ (ร.ฮ.) กล่าวว่า ไม่อนุญาตสำหรับผู้หญิงในการเปลี่ยนแปลงสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากรูปลักษณ์การสร้างที่มีมาแต่เดิมของนางด้วยการเพิ่ม (ต่อเติม) หรือการลด (ตัดแต่ง-ถอน ฯลฯ) เพื่อแสวงหาความสวยงามแก่สามีและผู้อื่น เช่น หญิงที่มีคิ้วต่อกันแล้วนางก็ขจัดขนที่อยู่ระหว่างคิ้ว 2 คิ้ว เพื่อทำให้เข้าใจว่าคิ้วทั้งสองอยู่ห่าง (ไม่ต่อกัน) หรือทำสิ่งที่ตรงกันข้าม (ทำให้คิ้วต่อกัน) และอัล-กอฎียฺ อิยาฏ (ร.ฮ.) กล่าวว่า ผู้ใดที่ถูกบังเกิดมาด้วยนิ้วที่เกินหรืออวัยวะที่เกินก็ไม่อนุญาตให้ผู้นั้นขจัดส่วนที่เกินมานั้นเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงการสร้างของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ยกเว้นในกรณีที่มีอันตรายเท่านั้น (ฟัยฏุลเกาะดีร ชัรฺหุ อัล-ญามิอฺ อัศ-เศาะฆีรฺ ; อัล-ลามะฮฺ อัล-มินาวียฺ เล่มที่ 5 หน้า 273)



      นักวิชาการฝ่ายอัล-หัมบะลียฺ ระบุว่า การขจัดขนที่ใบหน้านั้นไม่เป็นอะไร และการห้ามนั้นเป็นกรณีเฉพาะของคิ้วเท่านั้น (ฮาซา หะลาล ว่า อาซา หะรอม ; อับดุลกอดิรฺ อะหฺมัด อะฏอ หน้า 122)



      อนึ่งการสัก การถอนขนคิ้ว การทำฟันให้ห่างกันตามที่มีระบุในอัล-หะดีษข้างต้น เป็นที่ต้องห้ามทั้งชายและหญิง และทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำให้ (อัล-ฟิกฮุล มันฮะญียฺ เล่มที่ 3 หน้า 102)

والله أعلم بالصواب