الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد
จะเนียตให้ติดขณะกล่าวตักบีเราะตุลอิห์รอมเสียทีเดียว ก็ต้องตั้งสติเสียก่อน สติก็คือระลึกรู้ว่าตนจะละหมาดอะไร ละหมาดฟัรฎู ฟัรฎูอะไร ฟัรฎูซุฮฺริ แล้วก็กล่าวตักบีเราะตุลอิห์รอมพร้อมกับมีเจตนา (เนียต) ควบคู่กับการกล่าวตักบีร
โดยเจตนา (เนียต) นี้ประกอบด้วยการมุ่งกระทำละหมาด (กอศด์) เป็นการจำแนกกริยาว่าจะละหมาด ละหมาดอะไรก็ต้องนำเสนอ (ตะอัรรุฎ) ละหมาดฟัรฎูหรือละหมาดสุนนะฮ์ ถ้าเป็นละหมาดฟัรฎูก็ต้องเจาะจง (ตะอ์ยีน) ว่าเป็นละหมาดฟัรฎูอะไร ฟัรฎูซุฮฺริก็ครบองค์ประกอบแล้ว กล่าวคือ มีเจตนาว่าข้าพเจ้าจะละหมาดฟัรฎูซุฮฺริ พร้อมกับกล่าวตักบีเราะตุลอิห์รอมก็ใช้ได้แล้ว
ส่วนจำนวนรอกอะฮ์ ทำในเวลา (อะดาอ์) หรือชดใช้ (เกาะฎออ์) และเพื่ออัลลอฮ์ สามประการหลังนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยปริยายไม่ใช่เงื่อนไขตามทัศนะที่ถูกยึดถือในมัซฮับอัช-ชาฟิอียฺ
เหตุที่เนียตไม่ติดก็เพราะพะวงอยู่กับสำนวนในการเนียตที่ยืดยาว ซึ่งจริงๆ แล้วมีเพียง 3 ข้อแรกคือ ข้าพเจ้าจะละหมาดฟัรฎูซุฮฺริ ก็จบแล้ว ใช้ได้แล้วโดยให้ใจของตนรู้ 3 ข้อนี้พร้อมกับกล่าวตักบีร ก็จะเนียตติดได้ในคราเดียว
แต่ถ้าเนียตอย่างที่ว่ามาแล้วยังต้องตักบีรซ้ำอีกหลายครั้งแสดงว่าใจถูกรบกวน (เมาว์สูส) จากชัยฏอน กรณีนี้ต้องหักดิบหรือขัดใจ กล่าวคือ พอตักบีรพร้อมเนียตมี 3 ข้อครบแล้ว ใจมันบอกว่ายังไม่เข้า ยังไม่ติดต้องเอาใหม่ ก็หักดิบมันเสีย บอกในใจไปเลย ว่าเข้าแล้ว ติดแล้ว ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องมาป่วนให้รวนเร ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมแกแล้ว ฉันตักบีรครั้งเดียว แกไม่ต้องมาตีรวน ขัดใจได้อย่างนี้ อาการถูกรบกวน (วิสวาส) ก็จะลดลงหรือหายไปในที่สุด อินชาอัลลอฮ์
والله أعلم بالصواب