وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد
เมื่อบุคคลให้สล่ามจากการละหมาดของตนแล้ว ต่อมาบุคคลนั้นเห็นนะญิสอยู่บนร่างกายของตน โดยเป็นไปได้ว่านะญิสที่ปรากฏอยู่ในขณะละหมาด และเป็นไปได้ว่านะญิสนั้นเกิดขึ้นภายหลังการละหมาดเสร็จ (คือเป็นไปได้ทั้งสองกรณี) การละหมาดของผู้นั้นถือว่าใช้ได้โดยไม่มีข้อขัดแย้งในมัซฮับอัช-ชาฟิอีย์ แต่อิมามอัช-ชาฟิอีย์ (ร.ฮ.) และสานุศิษย์ของท่านกล่าวว่า : ส่งเสริม (มุสตะหับ) ให้กลับไปละหมาดใหม่ (อิอาดะฮ์) เพื่อเป็นการเผื่อเอาไว้ (อิหฺติยาฏ)
แต่ถ้าหากว่าผู้นั้นรู้ว่านะญิสนั้นมีอยู่แล้วในขณะละหมาด – ถึงแม้ว่าผู้นั้นจะไม่รู้ว่ามีนะญิสก่อนหน้านั้นก็ตาม – กรณีนี้มี 2 คำกล่าว (เกาว์ลานีย์) ในมัซฮับอัช-ชาฟิอีย์
(คำกล่าวญะดีด) เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องที่สุด (อัล-อะเศาะห์) ถือว่าละหมาดของผู้นั้นเป็นโมฆะ
(คำกล่าวเกาะดีม) ถือว่าใช้ได้
แต่ถ้าหากผู้นั้นรู้ว่ามีนะญิสในขณะละหมาด ต่อมาก็ลืมเรื่องของนะญิสนั้น กรณีนี้มี 2 แนวทางที่รู้กัน (เฏาะรีกอนี่ มัชฮูรอนี่) สำหรับนักวิชาการสังกัดมัซฮับอัช-ชาฟิอีย์ชาวเมืองคุรอสาน
แนวทางที่ถูกต้องที่สุดของ 2 แนวทางนี้ (อะเศาะห์ อัฏ-เฏาะรีกอยนี่) และนักวิชาการสังกัดมัซฮับอัช-ชาฟิอีย์ชาวเมืองอีรักได้ตัดสินชี้ขาดไว้ คือ จำเป็นที่ผู้นั้นต้องกลับไปละหมาดใหม่ (อิอาดะฮ์) เป็นคำกล่าวเดียวเพราะถือว่าผู้นั้นเลินเล่อบกพร่องเอง (กิตาบ อัล-มัจญ์มูอฺ ชัรหุล มุฮัซซับ ; อัน-นะวาวีย์ 3/163)
والله أعلم بالصواب