กุรบาน (คนกาเฟรมากินด้วย)  (อ่าน 7957 ครั้ง)

อาลี เสือสมิง

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2179
กุรบาน (คนกาเฟรมากินด้วย)
« เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 01:18:06 am »
กุรบานของเรา ที่เป็นสุนัตหรือที่เป็นวายิบนั้นหากเราเอาเนื้อนี้ไปทำบุญถ้ามีคนกาเฟรมา กินด้วยควรทำอย่างไร(เคยได้ยินอาจารย์บางท่านกล่าวว่าให้ซื้อเนื้อตลาดมาปน หลักฐานอยู่ในหนังสือบายูรีแต่หาไม่พบ)รบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายให้อย่าง ละเอียดเลยนะครับ

ถามโดย - haroon « เมื่อ: ตุลาคม 24, 2008, 12:17:06 pm »

อาลี เสือสมิง

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2179
ตอบ : กุรบาน (คนกาเฟรมากินด้วย)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 01:19:50 am »
الحمدلله اللهم صل وسلم على محمدالنبى وبعد....؛

กุรบ่านหรืออุฎฮียะฮฺ (أُضْحِيَّة) นั้นมี 2 ประเภท คือ

กุรบ่านสุนัต  (أَضْحِيَّة الَتَّطُّوعِ)   กุรบ่านประเภทนี้ ที่ดีที่สุด  (الأَفْضَلُ)  ให้ทำซอดะเกาะฮฺกุรบ่านทั้งหมดยกเว้นเหลือเอาไว้กินเพียงคำหนึ่งหรือไม่เกินสามคำเพื่อเป็นการตะบัรรุ๊ก (ส่วนที่เหลือเอาไว้กินนี้ควรจะเป็นตับ)  และถ้าจะเอาไว้กินส่วนหนึ่ง ทำซอดะเกาะฮฺส่วนหนึ่งและฮะดียะฮฺส่วนหนึ่งก็ได้  


ส่วนกุรบ่านประเภทที่  2  คือ  กุรบ่านวาญิบ  (أضْحيَّة وَاجِبَةٌ)  กุรบ่านประเภทนี้ไม่อนุญาตให้ผู้เป็นเจ้าของกุรบ่านกินเนื้อของมัน (ฮะรอม)  และวาญิบต้องทำซอดะเกาะฮฺทั้งหมดแก่คนยากจนแม้กระทั่งเขาและกลีบเท้าของมัน  ถ้าหากเจ้าของกุรบ่านกินส่วนหนึ่งส่วนใดจากกุรบ่านก็จำเป็นต้องชดใช้เนื้อส่วนนั้นแทนแก่คนยากจน  และการทำซอดะเกาะฮฺแก่คนยากจนนี้แม้เพียงซอดะเกาะฮฺให้แก่คนยากจนคนเดียวก็ถือว่าเป็นที่อนุญาต (เก็บความจาก อิอานะตุตตอลิบีน ; อัดดุมยาฏีย์ เล่มที่ 2 หน้า 378-379)  


ประเด็นต่อมาก็คือ  คนยากจนหรือคนรวยที่ถูกมอบเนื้อกุรบ่านให้นั้นมีเงื่อนไขกำหนดว่าพวกเขาจะต้องเป็นชาวมุสลิม  ส่วนคนที่ไม่ใช่มุสลิมก็ไม่อนุญาตให้มอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากกุรบ่านนั้นแก่พวกเขา ไม่ว่าเนื้อนั้นจะเป็นเนื้อดิบหรือเนื้อที่ถูกปรุงสุกแล้วก็ตาม (อ้างแล้ว เล่ม 2/379) และไม่ว่ากุรบ่านนั้นจะเป็นกุรบ่านสุนัตก็ตาม  (อัลบัยญูรีย เล่มที่ 2 หน้า 567)  


ดังที่มีระบุตัวบทเอาไว้ในอัลบุวัยฏีย์ แต่มีปรากฏในอัลมัจญมูอฺ ว่า อนุญาตให้เลี้ยงอาหารแก่คนยากจนจากอะฮฺลิซซิมมะฮฺ  (ชาวยิวและคริสเตียนในรัฐอิสลาม)  จากกุรบ่านสุนัตได้  แต่ถ้าเป็นกุรบ่านวาญิบนั้นไม่อนุญาต  ท่านอัลอัซร่ออีย์ได้แสดงความประหลาดใจเอาไว้  (บินญัยริมี่ย์ฯ เล่มที่ 4 หน้า 286) เกี่ยวกับสิ่งที่มีอยู่ในตำราอัลมัจญมูอฺ และเมื่อค้นตำราอัลมัจญมูอฺ ชัรฮุลมุฮัซซับ แล้วก็พบว่า ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ (ร.ฮ.) กล่าวว่า : (ประเด็นปัญหาข้อที่ 9) อิบนุ อัลมุนซิร กล่าวว่า : ประชาชาติอิสลามมีมติเห็นพ้องว่า อนุญาตให้เลี้ยงอาหาร (หรือซอดะเกาะฮฺ)  แก่คนยากจนที่เป็นชาวมุสลิมจากเนื้อกุรบ่านนั้น และพวกเขามีความเห็นต่างกันในการเลี้ยงอาหารแก่คนยากจนของอะฮฺลิซซิมมะฮฺ อัลหะซัน อัลบะศอรี่ย์ , อบูฮะนีฟะฮฺ และอบูเซาริน อนุโลมให้ในข้อนี้


อิหม่ามมาลิก กล่าวว่า : คนอื่นที่ไม่ใช่พวกเขาเป็นที่ชอบยิ่งกว่ายังพวกเรา และอิหม่ามมาลิกยังถือว่าเป็นสิ่งน่ารังเกียจ (มักรูฮฺ) ในการมอบหนังกุรบ่านหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากเนื้อกุรบ่านแก่คนนัศรอนีย์  และอิหม่ามอัลลัยซฺก็ถือว่าเป็นที่น่ารังเกียจ (มักรูฮฺ) และท่านกล่าวว่า : ถ้าหากเนื้อกุรบ่านถูกปรุงสุกก็ไม่เป็นอะไรที่คนซิมมี่ย์จะกินส่วนหนึ่งจากมันพร้อมกับชาวมุสลิม  นี่คือคำกล่าวของอิบนุ อัลมุนซิร , อิหม่ามอันนะวาวีย์กล่าวว่า :  ฉันไม่เคยพบว่ามีคำพูดใดในเรื่องนี้สำหรับอัศฮาบของเรา  และตามข้อชี้ขาดของมัซฮับนั้น ถือว่าอนุญาตให้เลี้ยงอาหารพวกเขาได้จากกุรบ่านสุนัต โดยมิใช่กุรบ่านวาญิบ (คือ กุรบ่านวาญิบนั้นไม่อนุญาต)  แล้วท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์ก็กล่าวว่า วัลลอฮุตะอาลาอะอฺลัม (ดู อัลมัจญมูอฺ เล่มที่ 8 หน้า 404)


ส่วนประเด็นที่อ้างถึงหนังสือบาญูรีย์นั้นน่าจะหมายถึงข้อความที่ระบุว่า : และทางออกจากสิ่งดังกล่าว  (คือการที่ไม่อนุญาตให้เจ้าของกุรบ่านวาญิบกินเนื้อกุรบ่าน)  ก็คือการที่เขาทำกุรบ่านอีกตัวหนึ่งหรือเชือดฮัดย์อีกตัวหนึ่งหรือเชือดอะกีเกาะฮฺอีกตัวหนึ่ง (ที่ไม่ได้นะซัรเอาไว้) หรือการที่เขาปรุงอาหารอีกอันหนึ่งเพิ่มจากสิ่งที่เป็นวาญิบ ฉะนั้นก็อนุญาตให้เขากินส่วนหนึ่งจากมันได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เพิ่มเกินกว่าสิ่งที่เป็นวาญิบ เขามีสิทธิกินมันพร้อมกับเป็นที่น่ารังเกียจ (มักรูฮฺ) ดังที่อัลมาวัรดีย์ได้กล่าวเอาไว้ (อัลบัยญูรีย์ เล่มที่ 2 หน้า 565) เข้าใจว่าเนื้อหาส่วนนี้คือสิ่งที่อาจารย์ผู้นั้นได้นำมากล่าวตามที่คุณharoon ได้ยินมาซึ่งเป็นทางออกได้เหมือนกันในเรื่องที่ถามมา


(والله أعلم بالصواب)