وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد
มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมร์ อิบนิ อัล-อาศ (ร.ฎ.) ว่า : ท่านรสูลุล ลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้กล่าวขณะที่ท่านถูกถามถึงกลุ่มที่รอดพ้น (อัล-ฟิรฺเกาะฮฺ อัน-นาญิยะฮฺ) ว่าคือผู้ใด? ท่านกล่าวว่า :
مَاأَنَاعَلَيْهِ وَأَصْحَابِيْ
“คือสิ่งที่ฉันและบรรดาสหายของฉัน (สาวก) ดำรงอยู่บนสิ่งนั้น”
(อัต-ติรฺมิซียฺ : 2643)
ในสายรายงานของหะดีษบทนี้ มีอับดุลเราะหฺมาน อิบนุ ซิยาด อัล-อัฟรีกียฺ ซึ่ง อิมามอัซ-ซะฮะบียฺ (ร.ฮ.ป ระบุว่า บรรดานักวิชาการหะดีษถือว่าเขาผู้นี้อ่อน (เฎาะอีฟ) (ฟัยฎุลเกาะดีร ; อัล-มินาวียฺ 5/347)
อิมามอัช-ชาฏิบียฺ (ร.ฮ.) กล่าวถึงนัยของหะดีษบทนี้ว่า ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ตอบว่า กลุ่มที่รอดพ้น (ฟิรฺเกาะฮฺ นาญิยะฮฺ) คือบุคคลที่มีคุณลักษณะด้วยบรรดาคุณลักษณะของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) และบรรดาคุณลักษณะของเหล่าเศาะหาบะฮฺของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) สิ่งดังกล่าวเป็นที่รับรู้ในหมู่พวกเขาโดยไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้น..
โดยสรุปก็คือ บรรดาเศาะหาบะฮฺคือบรรดาผู้ดำเนินตามท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้รับทางนำด้วยทางนำของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) มีการสรรเสริญชื่นชมเหล่าเศาะหาบะฮฺในอัล-กุรอาน และท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ก็ชื่นชมเหล่าเศาะหาบะฮฺ และอันที่จริงมารยาทของท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) นั้นคือ อัล-กุรอาน ดังนั้นอัล-กุรอานคือสิ่งที่ถูกปฏิบัติตามโดยข้อเท็จจริง และ สุนนะฮฺก็มาอธิบายอัล-กุรอาน ผู้ที่ตามสุนนะฮฺก็คือผู้ที่ตามอัล-กุรอาน และบรรดาเศาะหาบะฮฺ คือกลุ่มชนที่สมควรที่สุดด้วยสิ่งนั้น ดังนั้นทุกคนที่ดำเนินตามเหล่าเศาะหาบะฮฺก็คือผู้หนึ่งจากกลุ่มที่รอดพ้น..” (อัล-อิอฺติศอม 2/252)
ในบางส่วนของหะดีษเรื่องนี้ระบุว่า กลุ่มชนที่รอดพ้นคือ อัล-ญะมาอะฮฺ ซึ่งอิมามอัช-ชาฏิบียฺ (ร.ฮ.) ระบุว่า มีทัศนะ 5 ทัศนะที่อธิบายคำว่า อัล-ญะมาอะฮฺคือ
1.มหาชนจากชาวอิสลาม
2.กลุ่มของบรรดาอิมามมุจญ์ตะฮิด
3.เศาะหาบะฮฺโดยเฉพาะ
4.กลุ่มชาวอิสลามที่ตรงกันข้ามกลุ่มลัทธิและศาสนาอื่น
5.กลุ่มประชาคมมุสลิมที่รวมตัวกันตามผู้นำ (อิมาม) ที่ปฏิบัติสอดคล้องกับคัมภีร์อัล-กุรอานและสุนนะฮฺ (อัล-อิอฺติศอม 2/260 โดยสรุป)
บรรดาทัศนะเหล่านี้มิอาจจำกัดว่าเป็นชนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดโดยเฉพาะ เพราะอัล-ญะมาอะฮฺมิใช่จำนวนของผู้คนที่ถูกจำกัดเอาไว้ แต่เป็นองค์รวมของคุณลักษณะที่ผู้ใดมีคุณลักษณะดังกล่าวก็ถือว่าผู้นั้นเป็นส่วนหนึ่งจากประชาคมมุสลิม (เราะสาอิล อัล-อิคออฺ ; นาดิรฺ อัน-นูรียฺ หน้า 50)
อิมามอัน-นะวาวียฺ (ร.ฮ.) กล่าวว่า : อนุญาตในการที่กลุ่มชนซึ่งได้รับการช่วยเหลือจะเป็นกลุ่มชนที่หลากหลายจากชนิดต่างๆ ของผู้ศรัทธา ซึ่งมีทั้งผู้กล้าหาญ และผู้ที่มีความรอบรู้ในการทำสงคราม นักวิชาการฟิกฮฺ นักหะดีษ นักตัฟสีรฺ ผู้ที่ดำรงตนด้วยการสั่งใช้ให้กระทำความดีและห้ามปรามจากความชั่ว ผู้มีความสมถะและนักทำอิบาดะฮฺ ไม่จำเป็นว่าพวกเขาต้องรวมตัวกันอยู่ในดินแดนเดียว แต่เป็นไปได้ในการพวกเขาจะรวมตัวอยู่ในดินแดนเดียวหรือกระจายกันอยู่ในดินแดนต่างๆ ของโลก เป็นไปได้ที่พวกเขาจะรวมตัวอยู่ในเมืองๆ เดียว โดยอยู่ในบางส่วนของเมืองโดยที่บางส่วนของเมืองไม่มีพวกเขาอยู่ และเป็นไปได้ว่าโลกจะปลอดจากบางส่วนของกลุ่มชนนี้เป็นลำดับจวบจนกระทั่งไม่เหลืออยู่นอกจากกลุ่มชนเดียวในดินแดนเดียว เมื่อพวกเขาไม่เหลืออยู่อีก ลิขิตของอัลลอฮฺก็มาถึง...” (ฟัตหุลบารียฺ 13/295)
ดร.มุฮัมมัด อับดุลกอดิรฺ อบูฟาริส กล่าวว่า : “ชนกลุ่มที่รอดพ้น (ฟิรฺเกาะฮฺ นาญิยะฮฺ) ซึ่งท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) บอกเอาไว้คือกลุ่มชนที่ยึดมั่นในศาสนาอิสลามซึ่งถูกประมวลไว้ในกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺของท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ตลอดจนอิจญ์มาอฺของเหล่าเศาะหาบะฮฺและสิ่งที่แตกแขนงเป็นข้อปลีกย่อมมาจากสิ่งดังกล่าว และกลุ่มที่รอดพ้นนี้ คืออะฮฺลุสสุนนะฮฺ วัล-ญะมาอะฮฺ
ดังนั้นผู้ใดจากชาวมุสลิมที่เสียชีวิตบนการให้เอกภาพ (เตาหีด) ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นพวกอิควาน อัล-มุสลิมีน หรือกลุ่มอัต-ตับลีฆหรือกลุ่มศูฟียฺหรืออลุ่มอัส-สะละฟียฺ หรือพรรคอิสลามเพื่อการปลดแอกหรืออื่นจากพวกเขา ทั้งปัจเจกบุคคลและกลุ่มคณะบุคคล ผู้นั้นเป็นส่วนหนึ่งจากกลุ่มชนที่รอดพ้น...” (ฟะตาวา ชัรฺอียะฮฺ ; ดร.มุฮัมมัด อับดุลกอดิรฺ อบูฟาริส เล่มที่ 2 หน้า 857-858)
والله اعلم بالصواب