الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛
อนุญาตให้ผู้เป็นทายาท (วาริซฺ) หรือคนอื่นที่ไม่ญาติประกอบพิธีฮัจญ์หรืออุมเราะฮฺแทนผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าผู้ตายจะได้สั่งเสีย (วะซียะฮฺ) ไว้หรือไม่ก็ตาม
ทั้งนี้เมื่อปรากฏว่าผู้ตายมีความสามารถในขณะที่มีชีวิตอยู่ แต่ยังไม่ได้ประกอบพิธีฮัจญ์หรืออุมเราะฮฺ กรณีนี้เมื่อผู้ตายมีทรัพย์มรดกทิ้งเอาไว้ แต่ถ้าไม่มีทรัพย์มรดกก็ไม่วาญิบเหนือผู้เป็นทายาท ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรังหรือมีโรคเจ็บป่วยไม่หวังหาย (ด้วยการยืนยันของแพทย์ที่เชื่อถือได้) หรือชราภาพโดยไม่สามารถพยุงตัวบนพาหนะได้นอกจากต้องได้รับความลำบากแสนสาหัส ซึ่งเรียกว่า ผู้ทุพพลภาพ (อัลมะอฺฏู๊บ) การทำฮัจญ์หรืออุมเราะฮฺแทนบุคคลดังกล่าวถือว่าใช้ไม่ได้นอกจากต้องได้รับอนุญาตจากเขาเสียก่อน และจำเป็นที่บุคคลดังกล่าวต้องตั้งผู้ทำแทน
ถ้าหากว่าเขามีทรัพย์ที่จะเป็นค่าจ้างแก่ผู้ที่ทำฮัจญ์หรืออุมเราะฮฺแทนอันเป็นทรัพย์ที่เหลือจากค่าเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งบุคคลดังกล่าวต้องอยู่ในระยะทางระหว่างเขากับนครมักกะฮฺ 2 มัรฮะละฮฺขึ้นไป แต่ถ้าอยู่ในระยะทางที่น้อยกว่า 2 มัรฮะละฮฺ ก็จำเป็นต้องทำฮัจญ์ด้วยตัวเอง เพราะสามารถแบกเขาใส่คานหามไปได้ เป็นต้น
แต่ถ้าหากว่าบุคคลดังกล่าวไม่มีทรัพย์แต่มีผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทำฮัจญ์แทนเขาได้ไม่ว่าจะเป็นลูกหรือหลานทั้งหญิงและชาย ก็จำเป็นที่บุคคลดังกล่าวต้องตั้งคนทำแทน โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ที่จะทำฮัจญ์หรืออุมเราะฮฺแทนนั้น ต้องทำฮัจญ์ฟัรฎูหรืออุมเราะฮฺฟัรฎูแก่ตัวเองแล้ว ถึงจะเป็นผู้ทำแทนให้ได้ (มะนาซิกุลฮัจญ์วัลอุมเราะฮฺ ; อันนะวาวีย์ หน้า 100-102)
والله أعلم بالصواب