الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛
นักวิชาการส่วนมากถือว่าสิ่งที่เพิ่มมาจากเงินต้นที่ฝากไว้ซึ่งธนาคารมอบให้กับลูกค้าที่ฝากเงินเมื่อถอนเงินหรือปิดบัญชีว่านั่นแหล่ะ คือ ดอกเบี้ย (فوا ئد البنوك) ส่วนจะเรียกชื่อเป็นอย่างอื่นก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะดูที่เนื้อหาซึ่งคุณสามารถสังเกตุได้จากหน้าบัญชีที่อัพเดทข้อมูลว่ามีระบุคำย่อ (CODE) ว่า IN ก็คือ ดอกเบี้ย ย่อมาจาก Interest ตรงกับภาษาอาหรับว่า \"ริบา\" หรือ \"ฟาอิดะฮฺ\" นั่นเอง
ดังนั้นก็ให้แยกเงินจำนวนนี้ที่มีตัวเลขระบุในบัญชีออกจากเงินต้นที่ฝากไว้ตามสุทธิ เช่น ทำสะพานคนเดิน ทำทางสาธารณะ เป็นต้น ไม่อนุญาตให้นำเงินที่แยกออกมานี้ไปใช้ในเรื่องที่เป็นสิทธิประโยชน์ส่วนตัวโดยเด็ดขาด เช่น เอาไปทำส้วมที่บ้าน (เพราะตัวก็ใช้ส้วมนั้น) เอาไปจ่ายค่าเลี้ยงดูภรรยาหรือลูกๆ (เพราะเป็นวาญิบเหนือตัวที่ต้องจ่าย เมื่อจ่ายเป็นนะฟะเกาะฮฺตนก็ได้ประโยชน์) เอาไปจ่ายซะกาต (เพราะวาญิบที่ตนต้องจ่าย เมื่อเอาเงินจำนวนนี้ไปจ่ายซะกาต ตนก็ได้ประโยชน์) หรือเอาไปใช้หนี้สินเป็นต้น ทั้งหมดที่ว่ากระทำไม่ได้ทั้งสิ้น
เหลืออย่างเดียวคือย้ายมันให้พ้นเราไปด้วยการทำสาธารณประโยชน์ โดยไม่ถือเป็นการบริจาคหรือเศาะดะเกาะฮฺ เพราะเป็นเงินร้อนเงินหะรอม แต่เราจะได้กุศลจาก 2 กรณีคือ การที่ทำให้ตัวเราหลีกห่างจากเงินหะรอม และย้ายเงินนั้นไปยังฝ่ายที่มีความต้องการซึ่งเป็นของส่วนรวมนั่นเอง
- ส่วนเรื่องหลับตาละหมาดนั้น อัล-อับดะรียฺ นักวิชาการสังกัดมัซฮับ อัช-ซาฟิอียฺ ระบุว่า \"มักรูฮฺในการที่ผู้ละหมาดจะหลับตาทั้ง 2 ของเขาในการละหมาด \"และอัล-อับดะรียฺก็กล่าวว่า : อัฏ-เฏาะหาวียฺ กล่าวว่า เป็นสิ่งมักรูฮฺในฝ่ายอัศ-หาบของเรา (อัล-หะนะฟียะฮฺ) เช่นกัน และเป็นคำกล่าวของอัษ-เษารี่ยฺ ด้วย
ส่วนอิหม่ามมาลิก กล่าวว่า หลับตานั้นไม่เป็นอะไร ไม่ว่าจะในละหมาดฟัรฎูหรือสุนัต แต่ทัศนะที่ถูกคัดเลือก (อัล-มุคต๊าร) ในมัซฮับ อัช-ซาฟิอียฺ คือ ไม่ถือว่ามักรูฮฺ เมื่อไม่เกรงว่าจะมีอันตรายใดๆ (เช่น หลับตาเพลินจนล้มหน้าขมำไป)
ทั้งนี้เพราะการหลับตาเป็นสิ่งที่รวมเอาความคุชัวอฺ (สมาธิ) การมีสติรู้ใจตนเข้าไว้ด้วยกัน และเนื่องจากมีคำห้ามไม่ให้ทอดสายตาลอยเลือนจนเผลอไผลนั่นเอง (กิตาบ อัล-มัจญมูอฺฯ 3/271)
أعلم بالصواب