สารบัญปัญหาคาใจ > หมวด : การแต่งงาน มุสลิมะหฺ ครอบครัวและมรดก
การจ่ายมะฮัรด้วยกับการอ่านอัลกุนอ่าน
(1/1)
อาลี เสือสมิง:
สลามอาจารย์อาลีครับ
ผมมีเรื่องรบกวนที่จะถามอาจารย์ดังนี้ครับ
1.การจ่ายสินสมรส ( มะฮัร ) ด้วยกับการอ่านกุรอ่าน โดยตั้งใจที่จะอ่าน 1 จบ
แต่ทว่าไม่ได้อ่านในวันที่มีการสมรส ( นิกะห์ ) แต่ทยอยอ่านในวันถัดไปจนจบ ใช้ได้หรือไม่ ? อย่างไร ?
2.ถ้าบังเอิญเลิกกันก่อนการอ่านจบ ( อ่านกุรอ่านไม่จบตามที่ตั้งใจไว้ ) จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องอ่านกุรอ่านนั้นต่อให้จบ
( โดยหย่าขาดจากกันแล้ว ) ?
3.ถ้าหากว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องอ่านให้จบ แต่ไม่จบ แล้วการร่วมหลับนอนกันที่ผ่านมา
จะถือว่าเป็นการทำซินาหรือไม่ ?
สุดท้ายนี้ขออัลเลาะห์ ( ซ.บ. ) ทรงตอบแทนให้กับอาจารย์กับความดีงามทั้งหลายและริสกีที่ฮะล้าล
วัสสลาม
ถามโดย - อิบนุ ตอเฮร « เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2008, 12:09:00 am »
อาลี เสือสมิง:
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد ؛
ประเด็นที่ถามมานั้น ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า การอ่านอัลกุรอานของผู้ที่เป็นเจ้าบ่าวนั้นถือเป็นมะฮัรหรือไม่? เท่าที่ตรวจสอบตำราฟิกฮฺดูก็พบว่านักวิชาการฟิกฮฺจะระบุถึงการสอนอัลกุรอาน (تَعْلِيمُ القرآن) ให้แก่เจ้าสาว นักวิชาการรุ่นก่อนของมัซฮับฮะนะฟีย์ถือว่า การนิกาฮฺบนเงื่อนไขว่าจะสอนอัลกุรอานแก่เจ้าสาวจะสอนทั้งเล่มหรือบางส่วนหรือสอนหลักการของศาสนาบางส่วนจากเรื่องหะล้าล-ฮะรอมนั้นถือว่าใช้ไม่ได้
ทั้งนี้เพราะสิ่งที่ว่ามาไม่เรียกว่า ทรัพย์ (مَالٌ) ส่วนนักวิชาการรุ่นหลังในมัซฮับฮะนะฟีย์ถือว่าอนุญาตให้กำหนดการสอนอัลกุรอานหรือบางส่วนของหลักการในศาสนาเป็นมะฮัรแก่ฝ่ายหญิงได้ ส่วนในมัซฮับมาลิกีย์ มีทั้งสองทัศนะกล่าวเอาไว้เหมือนกับมัซฮับฮะนะฟีย์ ส่วนมัซฮับชาฟิอีย์และฮัมบะลีย์นั้น ถือว่าอนุญาตให้กำหนดการสอนอัลกุรอานหรือการสอนการเขียนหรือการสอนวิชาชีพเป็นมะฮัรแก่ฝ่ายหญิงได้ (ดูรายละเอียดในอัลฟิกฮุลอิสลามีย์ ว่า อะคิลละตุฮู ; ดร.วะฮฺบะฮฺ อัซซุฮัยลีย์ เล่มที่ 7 หน้า 260-264)
และในหนังสืออัลมัจญมูอฺของอิหม่ามอันนะวาวีย์ (ร.ฮ.) ระบุว่า : อนุญาตให้ซ่อด๊าก (มะฮัร) เป็นคุณประโยชน์ (مَنْفَعة) เช่นการรับใช้การสอนอัลกุรอาน , การเย็บปักถักร้อย และอื่นจากนั้นอันเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาคุณประโยชน์ที่ศาสนาอนุญาต โดยอาศัยหลักฐานที่ปรากฏในเรื่องราวของนบีมูซา (อ.ล.) ที่ใช้การเลี้ยงแพะแกะเป็นเวลา 8 ปี เป็นมะฮัร ซึ่งถึงแม้จะเป็นหลักนิติธรรมของคนยุคก่อน (شَرْعُ مَنْ قَبْلَنَا) แต่ก็ไม่ได้มีการปฏิเสธหรือถูกยกเลิกในหลักนิติธรรมของเรา และอาศัยหลักฐานจากหะดีษที่ท่านร่อซู้ล (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้นิกาฮฺหญิงที่มอบตัวของนางแก่ท่านให้กับชายที่มาสู่ขอนาง ด้วยกับสิ่งที่ชายผู้นั้นมีอยู่จากคัมภีร์อัลกุรอาน (بِمَامَعَه مِنَ القرآن) ซึ่งหมายถึง ด้วยการที่ชายผู้นั้นสอนสิ่งที่เขาจดจำจากอัลกุรอานแก่นาง ทั้งนี้เพราะอัลกุรอานเองนั้นไม่อนุญาตให้เป็นมะฮัรแก่ฝ่ายหญิง จึงต้องอธิบายว่าสอนอัลกุรอานให้ (ดู อัลมัจญ์มูอฺ เล่มที่ 18 หน้า 9-10)
ดังนั้น เมื่อพิจารณาคำถามที่คุณถามมาก็จะเห็นว่ามีข้อแตกต่างระหว่างกรณีการสอนอัลกุรอานให้แก่ฝ่ายหญิง ซึ่งข้อนี้ไม่มีปัญหา กับการที่คุณอ่านอัลกุรอานเองและถือเอาการอ่านอัลกุรอานของคุณ 1 จบมาเป็นมะฮัร ข้อหลังนี้ไม่พบว่ามีนักวิชาการระบุเอาไว้ แต่ก็มีมูลเหมือนกัน ดังปรากฏคำอธิบายของท่านอิบนุ อัลก็อยยิม (ร.ฮ.) ในเรื่องนี้ว่า หะดีษในเรื่องมะฮัรนี้ครอบคลุมถึงกรณีที่ฝ่ายหญิงนั้น เมื่อนางพึงพอใจต่อความรู้ของฝ่ายชาย การท่องจำอัลกุรอานของฝ่ายชายทั้งหมดหรือบางส่วนให้เป็นมะฮัรของนางก็ถือสิ่งดังกล่าวเป็นที่อนุญาต และสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับนางจากการเอาประโยชน์ของนางต่ออัลกุรอานและความรู้นั้นถือเป็นมะฮัร (ซ่อด๊าก) ของนาง เหมือนกับกรณีที่ท่านหญิงอุมมุสุลัยม์ได้กำหนดการเข้ารับอิสลามของอบูฏอลฮะฮฺเป็นมะฮัรของนาง... ดังนั้นเมื่อฝ่ายหญิงพึงพอใจต่อความรู้และศาสนา , การเข้ารับอิสลามของฝ่ายชาย การอ่านอัลกุรอานของฝ่ายชายแล้ว ก็ย่อมถือว่าเป็นมะฮัรที่ประเสริฐที่สุด และการอะก็อดนิกาฮฺก็มิได้ปลอดจากมะฮัรแต่อย่างใด (ซาดุลมะอาด ; อิบนุ อัลกอยยิม เล่มที่ 4 หน้า 48 โดยสรุปความ)
หากพิจารณาตามนี้ก็ถือว่า การอ่านอัลกุรอานของคุณที่ตั้งใจจะอ่าน 1 จบนั้นเป็นมะฮัรแก่ฝ่ายหญิงได้ และตามหลักเดิมนั้นจำเป็นต้องจ่ายมะฮัรเมื่อการอะก็อดนิกาฮฺเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ เพราะมะฮัรเป็นผลมาจากการอะก็อดนิกาฮฺนั้น แต่ถ้าจะล่าช้าในการจ่ายมะฮัรนั้น นักวิชาการก็ระบุว่าเป็นที่อนุญาต ดังนั้นการทยอยอ่านอัลกุรอานในวันถัดไปจากวันอะก็อดนิกาฮฺจนจบก็สามารถกระทำได้โดยมีเงื่อนไขว่าต้องมีกำหนดเวลาที่แน่นอนและจะต้องไม่นานจนเกินไป ส่วนถ้าหากว่าอ่านไปแล้วยังไม่จบ แต่มีการร่วมหลับนอนกับภรรยาก่อนหน้าการอ่านจบก็ไม่ถือว่าเป็นซินาแต่อย่างใด เพราะนางเป็นภรรยาที่อนุญาตให้ร่วมหลับนอนด้วยแล้วหลังจากการอะก็อดนิกาฮฺสมบูรณ์ลุล่วง
ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า ก่อนหน้าการอ่านอัลกุรอานจบนางมีสิทธิปฏิเสธการร่วมหลับนอนกับสามีหรือไม่ต่างหาก ซึ่งถ้าหากนางยินยอมร่วมหลับนอนก่อนการอ่านอัลกุรอานจบ นางก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธหลังจากนั้นในการร่วมหลับนอนกับสามี ส่วนถ้าบังเอิญมีการหย่าขาดกันก่อนที่จะอ่านอัลกุรอานจบ ถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องอ่านอัลกุรอานนั้นต่อให้จบ? ก็ต้องดูว่าการหย่านั้นเกิดขึ้นในสภาพใด ถ้าการหย่าเกิดขึ้นก่อนการร่วมหลับนอน นักวิชาการเห็นพ้องว่าจำเป็นต้องมอบมะฮัรครึ่งหนึ่งแก่ฝ่ายหญิงไม่ว่าการแยกจากกันนั้นจะเกิดขึ้นด้วยการหย่าหรือฟะซัคก็ตาม (อัลฟิกฮุลอิสลามีย์ เล่มที่ 7 หน้า 293)
ทั้งนี้เมื่อมีการขานมะฮัรเอาไว้ในการอะก็อด ส่วนถ้าไม่มีการขานมะฮัรเอาไว้ในการอะก็อด และการหย่าเกิดขึ้นก่อนการร่วมหลับนอน กรณีนี้ไม่จำเป็นต้องจ่ายมะฮัรแก่ฝ่ายหญิงแต่ให้จ่ายมุตอะฮฺ (ค่าทำขวัญ) แก่นาง ส่วนถ้าการหย่าร้างเกิดขึ้นหลังจากการร่วมหลับนอนกับฝ่ายหญิงแล้ว มะฮัรทั้งหมดเป็นสิทธิของนาง ทั้งหมดเป็นกรณีของมะฮัรที่เป็นทรัพย์สิน ส่วนกรณีที่ถามมามะฮัรประเภทนี้เป็นเรื่องคุณประโยชน์ (مَنْفعة) คือการอ่านอัลกุรอานเป็นมะฮัร ถือว่าเป็นหนี้ที่ฝ่ายชายจำต้องชำระ ในที่นี้ก็คือการอ่านอัลกุรอาน ถ้าฝ่ายหญิงไม่ติดใจคือยอมความฝ่ายชาย ก็จำต้องอ่านอัลกุรอานครึ่งเล่ม แต่ถ้าฝ่ายหญิงไม่ยอมความก็ต้องอ่านให้จบหรือไม่ก็ต้องจ่ายมะฮัรมิซล์แก่ฝ่ายหญิง
ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือให้ฝ่ายชายอ่านอัลกุรอานให้จบทั้งเล่ม 1 จบถือเป็นสิ่งที่ควรกระทำเพราะเกิดประโยชน์แก่ฝ่ายเอง กล่าวคือมีแต่ได้ไม่มีเสีย ที่กล่าวมานี้เป็นกรณีของการหย่าที่เกิดขึ้นก่อนการร่วมหลับนอน แต่ถ้าการหย่าเกิดขึ้นภายหลังการร่วมหลับนอนกับฝ่ายหญิงแล้ว ก็จำเป็นเพียงกรณีเดียวที่ฝ่ายชายจะต้องอ่านอัลกุรอานให้ครบ 1 จบ หรือไม่ก็จำต้องจ่ายมะฮัรมิซล์ (คือมะฮัรที่ญาติผู้หญิงของฝ่ายหญิงได้รับ) แก่ฝ่ายหญิง
والله أعلم
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version