อัสลามุอลัยกุม
สืบเนื่องจาก
http://alisuasaming.org/webboard/index.php?topic=743.0ในตอนต้นของคำตอบที่ว่า
\"เสียงของสตรีจะเป็นที่ต้องห้ามขณะเกรงว่าจะเกิดฟิตนะฮฺ\"
\"เราอนุญาตให้พูดคุยกับบรรดาสตรีที่แต่งงานกันได้และโต้วาทีกับพวกนางได้ในกรณีที่มีความจำเป็นยังสิ่งนั้น\"
\"อย่างไรก็ตามย่อมเป็นการดีในการพูดจาระหว่างคนต่างเพศว่าจะต้องอยู่ในกรอบหรือขอบเขตที่จำกัดที่สุด และอยู่ในเรื่องที่ไม่นำพาไปสู่ความเสียหาย\"กับในตอนท้าย
\"และโปรดอย่าลืมว่าฝ่ายหญิงที่เป็นแฟนกันนั้นมิใช่นางทางโทรศัพท์ แต่เป็นคนที่ฝ่ายชายรักชอบอยู่ฉันท์ชายหญิง จึงต้องรักษาน้ำใจและให้เกียรติกัน คิดถึงคราใดก็โทรหากันได้ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบและปรึกษาปัญหาคือเป็นเพื่อนคู่คิด มิใช่คู่ขา การคุยโทรศัพท์เพียงอย่างเดียวมิอาจทำให้รู้นิสัยใจคอที่แท้จริงได้ ขนาดรู้หน้ายังไม่รู้ใจ สำหาอะไรกับแค่ฟังเสียง ซึ่งเสแสร้งและแต่งเติมกันได้ คบหาดูใจกันก็ไม่ผิดถ้าอยู่ในขอบเขตที่ศาสนากำหนด คุยโทรศัพท์ก็ไม่ผิด แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นและมีขอบเขตตลอดจนระยะเวลาที่เหมาะสม คุยโทรศัพท์ต้องเสียสตังค์มิใช่ M150 จะได้ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย อย่างนี้ไม่ควร เอาเป็นว่าให้รู้จักลิมิตเวลาโทรหากันจะได้ไม่เบื่อง่าย หน่ายเร็ว!\"ผมมองว่ามันดูจะขัดๆกันอยู่
การเป็นแฟนกัน คิดถึงคราใดก็โทรหากันได้ ให้ลิมิตเวลาโทรหากัน ทั้งๆที่ทั้งสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน ไม่มีความรับผิดชอบต่อกัน
อยู่ในกรอบของศาสนาที่อนุญาติให้ชายหญิงพูดคุยกันได้ใน
กรณีจำเป็นได้อย่างไร ?
จะหลีกพ้นจากฟิตนะฮฺที่เกิดขึ้นในใจได้อย่างไร ?
การเป็นแฟนกันโดยพูดคุยกัน คิดถึงแล้วโทรหากัน ในความเป็นจริงของสังคมผู้ชายย่อมไม่ได้กระทำมันต่อหน้ามะหฺรอมของฝ่ายหญิง จะเป็นการรักษาเกียรติกันได้อย่างไร มันจะไม่ในำไปสู่ความเสียหายต่อความบริสุทธิ์ของฝ่ายหญิง ไม่นำไปสู่ความวุ่นวายของสังคมได้อย่างไร ?
อยากให้อาจารย์อธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ
การคบหาดูใจกันก่อนแต่งงานที่เรียกว่า\"แฟน\"อย่างที่วัยรุ่นในปัจจุบันในสังคมของเราทำกันอยู่เป็นที่อนุมัติในอิสลามหรือไม่ครับ อยากให้อาจารย์บอกถึงหลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ตลอดจนตัวอย่างจากบรรดาสลัฟในเรื่องนี้ด้วยครับ
ขออัลลอฮฺตอบแทนครับ