وعليكم السلام ورحمة الله و بركاته
الحمدلله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد...؛
การตั้งเจตนา (النية) พร้อมกับการเปล่งวาจา (التلفظ) นั้นต้องแยกประเด็นระหว่างการตั้งเจตนากับการเปล่งวาจา เช่น อุซอลลีย์ (ข้าพเจ้าละหมาด...) กล่าวคือ การตั้งเจตนาที่ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญในการทำอิบาดะฮฺนั้น คือการตั้งเจตนาด้วยหัวใจ ตำแหน่งการตั้งเจตนาจึงอยู่ที่หัวใจคือการมีสติระลึกรู้ควบคู่กับการเริ่มกระทำสิ่งนั้น ๆ การตั้งเจตนา (النية) จึงเป็นเรื่องของหัวใจ ส่วนเรื่องการเปล่งวาจา เช่น อุซอลลีย์, นะวัยตุ้ เป็นเรื่องของลิ้น,
นักวิชาการสังกัดมัซฮับอัชชาฟิอีย์ ระบุว่า : ไม่จำเป็นต้องเปล่งวาจาด้วยลิ้นพร้อมกับการตั้งเจตนา และการเปล่งวาจาเพียงอย่างเดียวถือว่าใช้ไม่ได้ แต่ถ้ารวมทั้งสองอย่าง (คือเจตนาด้วยใจและเปล่งวาจาด้วยลิ้น) ก็เป็นสิ่งที่เน้นและดียิ่ง (กิตาบอัลมัจญ์มูอฺ ชัรฮุ้ลมุฮัซซับ เล่มที่ 1 หน้า 358)
ฉะนั้นถ้าหากตั้งเจตนาด้วยหัวใจ แต่ไม่ได้เปล่งวาจาด้วยลิ้น ก็ถือว่าใช้ได้ตามมัซฮับแล้ว และปวงปราชญ์ชี้ขาดเอาไว้ตามนั้น เจ้าของหนังสืออัลฮาวีย์ : ระบุว่า : มีคำกล่าวของอบูอับดิลลาฮฺ อัซซุบัยรีย์ว่าจะใช้ไม่ได้จนกว่าผู้นั้นจะได้รวมระหว่างการตั้งเจตนาของหัวใจและการเปล่งวาจาของลิ้นเสียก่อน... นักวิชาการสังกัดมัซฮับอัชชาฟิอีย์กล่าวว่า : ผู้ที่กล่าวเช่นนี้ผิดพลาด เพราะการเปล่งวาจาในการละหมาดที่อิหม่ามอัชชาฟิอีย์ (ร.ฮ.) มุ่งหมายถึงมิใช่อันนี้ หากแต่หมายถึงการกล่าวตักบีร่อตุ้ลอิฮฺรอม
และถ้าหากผู้นั้นเปล่งวาจาด้วยลิ้นของตนโดยไม่มีเจตนาด้วยหัวใจ การละหมาดของเขาย่อมใช้ไม่ได้โดยมติเห็นพ้อง (กิตาบ อัลมัจญ์มูอฺฯ เล่มที่ 3 หน้า 241) สรุปได้ว่า การกล่าวอุซอลลีย์ไม่ใช่สิ่งวาญิบ แต่ถ้าว่าอุซอลลีย์พร้อมกับมีเจตนาด้วยหัวใจก็ย่อมไม่เสียหายแต่อย่างใด เขาเรียกว่า \"ลิ้นช่วยใจ\" นั่นเอง
والله أعلم بالصواب