ชนชาติจามเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม
เมื่อพ่อค้าชาวอาหรับเปอร์เซียและอินเดียได้รับนับถือศาสนาอิสลามแล้ว การเผยแผ่ศาสนาอิสลามก็มาถึงอาณาจักรจัมปาในอินโดจีนแถบชายฝั่งทะเลจีนใต้พร้อมๆ กับการเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามของชาวมลายู-ชะวาในสุมาตรา ชะวา และคาบสมุทรมลายูตอนล่าง ทั้งนี้ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 13-19 กองเรือของชาวมุสลิมถือได้ว่าเป็นกองเรือที่ทันสมัย และมีเครือข่ายกว้างขวางครอบคลุมเส้นทางเดินเรือตั้งแต่แอฟริกาจนถึงจีน (Abul-Fazl Ezzati , The Spread of Islam ZGhom : The Ahl Ul Bayt World Assembly , 1944X , P.314 K.N. Chaudhuri , Trad and Civilisation in The Indian , P.44. W.H. Moreland , “The Ships of the Arabian Sea about A.D. 1,500” Journal of the Royal Asiatic Society (1939) : 63-74)
นอกจากนี้นักประวัติศาสตร์ยังได้ระบุอีกด้วยว่า ศาสนาอิสลามได้แผ่มาถึงอาณาจักรจัมปา และแผ่จากจัมปาสู่ดินแดนฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมลายู (The Martyrdom of Khmeres Muslim , Phanom Penh. 1974 P.34) ซึ่งแสดงว่าศาสนาอิสลามได้มาถึงอาณาจักรจัมปาก่อนหน้าที่จะแผ่มาถึงอาณาจักรบริเวณฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมลายู
และมีปรากฏในประวัติศาสตร์ของชาวเขมรมุสลิม (แขกจาม) ว่า ในระหว่างปี ค.ศ. 1000-1036 มีพ่อค้าชาวอาหรับคณะหนึ่งนำโดย เราะหฺดารฺ อะหฺหมัด อบู-กามิลฺ (Rahdar Ahmed Abu-kamil) ได้เผยแผ่ศาสนาอิสลามในจัมปา ทำให้มีชาวจามเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก (วารสาร อัล-ญิฮาด อันดับที่ 208-209 (มีนาคม-เมษายน 2535)
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงมีพระราชหัตถเลขาในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2 เล่มที่ 1 หน้า 59 ว่า :
“เมืองเขมรหรือเรียกอีกนาม ๑ ว่า กรุงกัมพูชาเดิมเป็นเมืองขอมหลวง มีอำนาจมากแลอาณาเขตกว้างขวางในโบราณสมัย แต่อำนาจลดน้อยถอยลงโดยลำดับมา จนเมื่อไทยตั้งเป็นใหญ่ได้ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ขยายอาณาเขตรุกแดนกัมพูชาลงไปจากข้างเหนือทาง ๑ แว่นแคว้นกัมพูชาซึ่งอยู่ทางริมทะเลตั้งแต่ปากน้ำโขงไปทางตะวันออก ก็เกิดเป็นประเทศอิสระขึ้นอีกประเทศ ๑ เรียกว่า “จัมปาประเทศ”
ตามตำนานที่พึงจะได้รู้ ไพร่พลเมืองจัมปานี้ปะปนกันหลายชาติ เป็นพวกขอมเดิมบ้าง เชื้อสายแขกอินเดียที่มาอยู่ในเมืองขอมบ้าง พวกมลายูข้ามทะเลมาอยู่บ้าง ลงปลายเมื่อการสั่งสอนศาสนาอิสลามแพร่หลายมาหลายประเทศเหล่านี้ ชาวเมืองจัมปาโดยมากเข้ารีตถือศาสนาอิสลามบุคคลจำพวกที่เราเรียกว่า “แขกจาม” ก็คือชาวเมืองจัมปานี่เอง….”
การยอมรับนับถือศาสนาอิสลามของชนชาติจามในอาณาจักรจัมปาในช่วงแรกคงเป็นที่แพร่หลายในหมู่พลเมืองจามที่เป็นสามัญชนโดยเริ่มจากหัวเมืองชายทะเลด้านตะวันออกและด้านตะวันออกเฉียงใต้บริเวณปากแม่น้ำโขง เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าพาณิชย์นาวี
ต่อมาก็เริ่มเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้ปกครองและราชวงศ์ของกษัตริย์จัมปาภายหลังการยอมรับอิสลามของพลเมืองในสุมาตราและชวา ซึ่งมีหลักฐานระบุว่า พระเจ้าสิงห์วรมันที่ 1 ของจัมปาได้ยอมรับศาสนาอิสลามจากชวาเป็นศาสนาของจัมปา และการยอมรับศาสนาอิสลามของราชสำนักจัมปานี้เกิดขึ้นภายหลังการแพร่หลายของศาสนาอิสลามในหมู่พลเมืองสามัญเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว มีลักษณะคล้ายกับการเข้ารับศาสนาอิสลามของชนชาติมลายูทั้งในส่วนของอาณาจักรมะละกาและอาณาจักรปัตตานีดารุสสลาม
อาณาจักรจัมปายังคงเป็นอิสระอยู่ถึงแม้จะสูญเสียดินแดนไปเกือบทั้งหมดให้แก่พวกอานัม (เวียดนาม) และเขมรจนถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมครองกรุงศรีอยุธยา มีจดหมายเหตุฝรั่งแต่งไว้ว่า มีราชทูตจัมปาเข้ามากรุงศรีอยุธยาในครั้งนั้น (เรืองศักดิ์ ดำริห์เลิศ ; ประวัติศาสตร์บ้านครัวฯ , กรุงเทพฯ (2545) หน้า 3) จนกระทั่ง พ.ศ. 2263 กษัตริย์จามองค์สุดท้ายได้พาราษฎรส่วนมากของตนอพยพหนีสงครามจากพวกอานัมเข้าไปอาศัยอยู่ในดินแดนเขมร อาณาจักรจัมปาสิ้นสุดลงโดยสิ้นเชิง (พระธรรมปิฎก ; อ้างแล้ว หน้า 224)